posttoday

ขนตาติดไฟ LED หลากสีมีกะพริบดูวิบวับ

05 กรกฎาคม 2560

เรื่อง | ทีม Beatrootไก่งามเพราะขน คนงามเพราะเติมแต่ง ตราบใดที่โลกยังโคจรรอบตัวเองในทุกๆ วัน มนุษย์ก็จะยังคงไม่หยุดคิดค้นและพัฒนาสิ่งประดิษฐ์

เรื่อง | ทีม Beatroot

ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะเติมแต่ง ตราบใดที่โลกยังโคจรรอบตัวเองในทุกๆ วัน มนุษย์ก็จะยังคงไม่หยุดคิดค้นและพัฒนาสิ่งประดิษฐ์

เช่นเดียวกับการนำหลอดไฟแอลอีดี (LED) มาใช้ในการประกอบสร้างสิ่งต่างๆ ที่ไม่เพียงแต่การใช้ประโยชน์ในด้านแสงสว่างอีกต่อไป แต่ยังนำมาปรับใช้ในวงการแฟชั่นและความงามอีกด้วย

หลอดไฟแอลอีดีถูกคิดค้นขึ้นเมื่อปี 2508 โดยในช่วงแรกนั้นแอลอีดียังให้ความเข้มแสงไม่มาก และมีใช้เฉพาะความถี่ในช่วงแสงอินฟราเรด ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เป็นรูปแบบการใช้งานตามอุปกรณ์ประเภทรีโมท คอนโทรลของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเรา

ต่อมาแอลอีดีถูกพัฒนาให้สามารถมองเห็นได้ โดยเริ่มจากแสงสีแดงที่มีความเข้มแสงต่ำ และได้ถูกพัฒนามาเรื่อยๆ จนสามารถนำมาใช้ในอุปกรณ์ไฟแสดงตามแผงควบคุมต่างๆ เช่น แสงไฟแสดงตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาดิจิทัล

แม้หลอดไฟแอลอีดีจะมีข้อดีในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านประหยัดพลังงาน ด้านระยะการใช้งานและขนาดที่เล็กมากเมื่อเทียบกับหลอดไส้ แต่ก็ยังไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลอดไฟฟ้าที่ให้แสงสว่างในชีวิตประจำวันได้ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการทำให้แอลอีดีมีแสงสีขาวเหมือนหลอดไฟทั่วไป

จนกระทั่งในปี 2533 นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น 3 คนได้ร่วมกันพัฒนาหลอดไฟแอลอีดีจนประสบความสำเร็จ ซึ่งภายหลังพวกเขาก็ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี 2557 ในฐานะเป็นผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้เกิดการปฏิวัติวงการด้านไฟฟ้าแสงสว่างและการใช้พลังงานในศตวรรษที่ 21

แล้วแสงไฟจากแอลอีดีมาข้องเกี่ยวกับขนตาของมนุษย์อย่างไร?

ปกติขนตาจะมีทั้งที่เปลือกตาบนและล่าง ข้างละ 40-50 เส้น โดยขนตาบนจะยาว หนาและมีลักษณะงอนกว่าขนตาล่าง ขนตามีหน้าที่สำคัญตามธรรมชาติคือการป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าตา เช่น เหงื่อจากบริเวณหน้าผาก หรือฝุ่นผงต่างๆ

นอกจากนั้น เนื่องจากเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่บนบริเวณใบหน้าของมนุษย์ และมีการกะพริบเคลื่อนไหวตลอดเวลา จึงทำให้เป็นจุดสนใจจุดหนึ่งของใบหน้า

ดังนั้น ผู้ที่มีขนตาน้อย บางหรือไม่งอนงาม จึงนำวัสดุที่ทำเป็นขนตาปลอมมาติดเพื่อเพิ่มบุคลิกที่น่าสนใจให้กับใบหน้า

หลังจากที่สามารถทำให้ไฟแอลอีดีสามารถนำมาใช้เป็นหลอดไฟฟ้าในครัวเรือนได้แล้ว วงการแฟชั่นและความงามต่างก็พากันหยิบนวัตกรรมนี้มาประกอบเข้ากับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายต่างๆ รวมไปถึงเครื่องประดับและรองเท้า และล่าสุดคือการนำหลอดไฟแอลอีดีมาอยู่บนขนตาปลอม

กลายเป็นขนตาปลอมติดไฟที่ดูสวยงามและล้ำสมัยภายใต้ชื่อ "f.lashes"

f.lashes มีที่มาจากคำว่า fun ที่แปลว่าความสนุก และ lashes ที่แปลว่าขนตาปลอม สิ่งประดิษฐ์นี้จึงเปรียบเสมือนขนตาปลอมที่เพิ่มสีสันและความสนุกให้กับวันเดิมๆ อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา และตอบสนองต่อการขยับของร่างกาย เช่น เต้น กระโดด โพสท่าถ่ายรูป

นอกจากจะมีแสงไฟแล้ว ขนตา f.lashes นั้นยังมีทั้งหมด 6 เอฟเฟกต์ ที่จะเปลี่ยนไปตามความเร็วของการขยับร่างกาย เช่น ขนตาจะส่องแสงเวลาเรากระโดด และแสงบนนั้นอาจจะวิ่งเร็วขึ้นเวลาเราพยักหน้าหรือส่ายหัวไปมา รวมไปถึงแสงไฟแอลอีดีจากขนตายังมีให้เลือกถึง 7 สีตามความชอบของแต่ละคน ได้แก่ สีขาว สีชมพู สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน และสีฟ้า

ขนตาปลอม f.lashes จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ อุปกรณ์คอนโทรลที่จะจับเซ็นเซอร์การเคลื่อนไหวของเรา ใช้ติดบริเวณท้ายทอย และอีกส่วนเป็นตัว ขนตาแอลอีดี ใช้ติดชิดโคนขนตาเหมือนขนตาปลอมทั่วไป โดยสามารถใช้กาวติดขนตาปลอมที่แต่ละคนใช้กันอยู่แล้วได้เลย ไม่จำเป็นต้องใช้กาวเฉพาะแต่อย่างใด ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ก็ใช้ถ่านก้อนกลมเล็กๆ แบบเดียวที่ใช้กับพวกนาฬิกา ข้อมือเลย

ขนตา f.lashes ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการแฟชั่นและความงามเลยก็ว่าได้ และเป็นไปได้ว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นแสงไฟแอลอีดีไปอยู่บนสิ่งอื่นตามมาอีก ตราบใดที่มนุษย์เรายังไม่หยุดพัฒนาสิ่งต่างๆ เหมือนเช่นโลกที่ยังโคจรรอบตัวเองในทุกๆ วัน n

ข่าวล่าสุด

นายกฯ ลั่นยึดพื้นที่คืนแล้ว ปัดใช้คนกลาง สั่ง กต.แจงอาเซียน