Safety First
วิฑูรย์ สิมะโชคดีข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับเมื่อ 2-3 วันก่อนนี้ ข่าวดังในบ้านเรา ก็คือ กรณีอุบัติเหตุพนักงานตกบ่อน้ำเสียของโรงงานชื่อดัง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตหลายราย ส่วนข่าวดังของต่างประเทศ ก็คือ กรณีรถน้ำมันพลิกคว่ำในปากีสถาน แล้วระเบิดย่างสดชาวบ้านกว่า 100 ชีวิต
วิฑูรย์ สิมะโชคดี
ข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับเมื่อ 2-3 วันก่อนนี้ ข่าวดังในบ้านเรา ก็คือ กรณีอุบัติเหตุพนักงานตกบ่อน้ำเสียของโรงงานชื่อดัง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตหลายราย ส่วนข่าวดังของต่างประเทศ ก็คือ กรณีรถน้ำมันพลิกคว่ำในปากีสถาน แล้วระเบิดย่างสดชาวบ้านกว่า 100 ชีวิต
กรณีเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตนี้ (ไม่ว่าจะกี่คนก็ตาม) ทางวิชาการถือเป็น "กรณีร้ายแรง" (Major Case) ซึ่งจะต้องสืบสวนหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงนั้นๆ อย่างเจาะลึก (Total Investigation) เพื่อให้ผลของการสืบสวนสามารถชี้ชัดถึงสาเหตุที่แท้จริงได้ เพื่อผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้นำไปกำหนดมาตรการป้องกันอุบัติเหตุนั้นๆ ไม่ให้เกิดซ้ำอีกในอนาคต
ปัญหาการป้องกันอุบัติเหตุอันตรายที่น่าเป็นห่วงในบ้านเรา จึงเป็นเรื่องของการทำแบบ "ไฟไหม้ฟาง" คือ วูบเดียวแล้วจางหายไป
ดังนั้น การสร้างแนวร่วมเพื่อปลูกสร้าง "จิตสำนึกแห่งความปลอดภัย" (Safety Mind) และ "ความสม่ำเสมอ" ("ความยืนหยัดต่อเนื่อง") (Consistency) ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ทุกวันนี้นอกจากจำเป็นต้องบรรจุเรื่องความปลอดภัยเข้าไปแทรกอยู่ในหลักสูตรการศึกษาระดับต่างๆ แล้ว เรายังจะต้องช่วยกันปรับเปลี่ยนความคิดความเชื่อที่ไม่ (ค่อย) ถูกต้องนัก ให้ถูกต้องมากขึ้นด้วย เช่น อุบัติเหตุเป็นเรื่องของเคราะห์กรรม หรือที่คิดกันว่า "ความปลอดภัยมีราคาแพง" หรือ "ต้องลงทุนมาก" เป็นต้น
ถึงแม้ว่าการป้องกันอุบัติเหตุและการสร้างเสริมความปลอดภัยให้เกิดขึ้น อาจต้องมีการลงทุนบ้าง หรือมีค่าใช้จ่ายบ้าง เช่น เดียวกับการแก้ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม แต่เราก็สามารถใช้วิธีการที่ "ลงทุนน้อยแต่ได้ผลมาก" ก็ได้
อาทิ การฝึกอบรมสอนงานอย่างถูกวิธี ก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น คือไหนๆ ก็ต้องสอนให้พนักงานทำงานเป็น และทำงานถูกต้องแล้ว เราก็ควรสอนแนะวิธีทำงานอย่างปลอดภัยเข้าไปในคราวเดียวกันด้วยเลย
หลายท่านเชื่อว่า "การใช้กฎหมายนำ" เพื่อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องจักรอุปกรณ์ หรือสภาพแวดล้อมในการทำงาน (Safe Working Environment) และวิธีการทำงานอย่างปลอดภัย (Safe Practice) และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเพื่อการป้องกันอุบัติเหตุและสร้างเสริมความปลอดภัย จะมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบ้านเรา (เพราะ "จิตสำนึกแห่งความปลอดภัย" ของสังคมยังไม่มากพอ)
เรื่องของความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนไทยทุกคนโดยตรง จึงไม่ควรเป็นเรื่องของ "กำไรขาดทุน" แต่อย่างใด ถ้ามัวแต่คิดว่าต้องลงทุน หรือต้องเสียค่าใช้จ่าย แล้วไม่ทำการป้องกันอุบัติเหตุอันตรายล่วงหน้า หรือคิดกันเพียงแต่ว่า "เกิดเหตุแล้วค่อยว่ากัน" หรือตั้งหน้าตั้งตาถามว่า "มีกฎหมายบังคับหรือไม่" กันแบบนี้แล้ว ต้องถือว่า เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงจริงๆ
เพราะแท้จริงแล้ว เราทุกคนต่างต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยซึ่งกันและกันด้วยจิตสำนึกที่ยึดมั่นใน Safety First ครับผม !


