‘ซีอีโอบ้านปู เพาเวอร์’ยึดปรัชญา 4P
บริษัท บ้านปู (BANPU) ถือเป็นบริษัทพลังงานเจ้าใหญ่ของไทยที่ดำเนินธุรกิจมีฐานทั้งในและต่างประเทศหลายแห่ง
โดย...ประลองยุทธ ผงงอย
บริษัท บ้านปู (BANPU) ถือเป็นบริษัทพลังงานเจ้าใหญ่ของไทยที่ดำเนินธุรกิจมีฐานทั้งในและต่างประเทศหลายแห่ง และมีธุรกิจหลากหลาย อาทิ ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ รวมถึงไฟฟ้าที่ทำผ่านบริษัทลูกคือ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ที่เพิ่งเป็นหุ้นน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมี “วรวุฒิ ลีนานนท์” วัย 59 ปี เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
อดีตลูกหม้อการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำที่นั่นได้ยาวนานถึง 12 ปี ก่อนที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารบริษัท บ้านปู และอยู่มานานถึง 25 ปี ดูธุรกิจโรงไฟฟ้าในเครือช่วงบุกเบิกเมื่อบริษัทแยกธุรกิจโรงไฟฟ้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เขาจึงเป็นซีอีโอไปโดยปริยาย
วรวุฒิ จบปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาจบเป็นบัณฑิตในปี 2522 เริ่มการทำงานแรกที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำงานองค์กรนี้ยาวนานถึงประมาณ 12 ปี เป็นวิศวกรโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ จ.ลำปาง ดูแลในด้านงานเทคนิค รวมถึงการบริหารโครงการ การก่อสร้างโครงการ ทดสอบโรงไฟฟ้าหลังสร้างเสร็จของโรงไฟฟ้าหน่วยที่ 1-13
12 ปีที่ กฟผ. คือได้เรียนรู้และทำงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า ทั้งความรู้ในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและความคุ้มค่าการลงทุน ระบบบริหารจัดการโครงการ ระบบงานออกแบบจัดซื้อประมูลวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในงานก่อสร้าง รวมถึงการก่อสร้าง ออกแบบ ทดสอบ ระบบผลิตไอน้ำ สำหรับเส้นทางการเติบโตของการทำงานที่ กฟผ.ในช่วง 3 ปีสุดท้าย ได้ขึ้นเป็นผู้ช่วยหัวหน้ากองด้านหน่วยผลิตระบบไอน้ำ
จากนั้นลาออกจาก กฟผ.เพราะงานเริ่มซ้ำแบบเดิม ประกอบกับช่วงนั้นมีโอกาสได้ไปศึกษามินิเอ็มบีเอ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากจบหลักสูตรกลับมาต้องการทดลองวิชา
“ในช่วงนั้นมีรุ่นพี่ที่รู้จักที่เคยทำงานที่ กฟผ. ออกไปทำงานบ้านปู จึงได้ชักชวนให้ไปร่วมงานด้วย ซึ่งในช่วงนั้นที่บ้านปูเพิ่งเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปี 2535 ตอนนั้นผมอายุ 34 ปี ตัดสินใจมาทำงานที่กลุ่มบ้านปู เพราะสามารถทำงานได้กว้างกว่างานเดิมที่เคยทำ งานหน้าที่รับผิดชอบแรกในบ้านปู คือการขายถ่านหินเพื่อเตรียมขายให้กับโรงไฟฟ้าอ่าวไผ่ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินของ กฟผ. แต่สุดท้ายโครงการนี้ไม่ได้เกิดขึ้น
ช่วงนั้นรัฐบาลได้เปลี่ยนแปลงนโยบายต้องการให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้าเพื่อลดภาระของรัฐบาล เริ่มต้นด้วยให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (เอสพีพี) เป็นโรงไฟฟ้าระบบความร้อนร่วมผลิตทั้งไฟฟ้าและไอน้ำ
กลุ่มบ้านปูมีเฉพาะธุรกิจถ่านหินจึงมองเห็นโอกาสการเข้าไปในธุรกิจใหม่นี้ ในปี 2536 ผู้บริหารบ้านปูในยุคนั้นมอบหมายหน้าที่ให้พัฒนาในธุรกิจโรงไฟฟ้าโครงการแรกในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดีทั้งเฟส 1 กับ 2
หลังจากรับผิดชอบโครงการโรงไฟฟ้าโคโค่บริษัทในเครือของบ้านปู เกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 ธุรกิจของโคโค่อยู่ในช่วงการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าเฟส 3 ขณะนี้หนี้ทั้งหมดที่กู้มาลงทุนเป็นเงินเหรียญสหรัฐจึงถูกกระทบจากการลอยตัวค่าเงินบาท จึงทำให้โคโค่ต้องเพิ่มทุนและปรับโครงสร้างของบริษัทใหม่ทั้งหมดมีผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามา บ้านปูลดสัดส่วนการถือหุ้นลงและในที่สุดก็ถอนการลงทุนและเปลี่ยนเจ้าของเป็น บริษัท โกลว์ พลังงาน (GLOW)
เขากลับมาทำงานที่บ้านปูจนปี 2544 กำลังไฟฟ้าของไทยไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ บ้านปูจึงมีแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ซึ่งบ้านปูถือหุ้นใหญ่ 50% โดยเขาเป็นผู้รับผิดชอบดูแลโครงการซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ใช้ระยะเวลาทำงานที่บีแอลซีพีประมาณ 5 ปี ต่อมาในปี 2550 จึงไปทำหน้าที่ดูแลการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าของหงสา ใน สปป.ลาว ทำงานที่ลาวราว 3 ปี
ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และหงสา ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี จากนั้นในปี 2554 จึงกลับมาที่ไทยได้รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบ้านปู มีหน้าที่ดูแลธุรกิจถ่านหิน ระหว่างปี 2554-2555 ในจีน และมองโกเลีย คู่กับธุรกิจไฟฟ้าด้วย ระหว่างทำงานที่บ้านปูได้ไปศึกษาต่อปริญญาโท สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เมื่อบ้านปูมีนโยบายแยกธุรกิจไฟฟ้าเข้าจดทะเบียนใน SET จึงได้รับมอบหมายเป็นซีอีโอขับเคลื่อนบริหารงานเพื่อสร้างการเติบโตและนำ BPP เข้าตลาดหุ้นจนประสบความสำเร็จ
ปรัชญาการทำงานที่ยึดใช้ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จและพยายามถ่ายทอดให้น้องในที่ทำงานคือ หลัก 4P ได้แก่ Passion ความหลงใหลในการทำงานหรือมีความชอบในงานนั้นต้องทำให้ประสบความสำเร็จ Pro Active การมองคิดไปข้างหน้าตลอดเวลา Plan คือการวางแผนที่ดี และ People มีคนที่ดีในทีมงานหรือองค์กร
“ด้วยประสบการณ์การทำงานที่ กฟผ. ถือว่ามาช่วยการทำงานในกลุ่มบ้านปูได้มากโดยไม่มีช่องว่างหรือมีก็น้อยมาก ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีที่มีโอกาสได้ย้ายงานมาได้ทำงานที่กว้างขึ้นจากเดิม”


