ช่อฟ้า เหล่าอารยะ ชีวิตนี้ห้ามลืมโทรศัพท์
ปูน-ช่อฟ้า เหล่าอารยะผู้ประกาศข่าวมากความสามารถจากช่อง 7 สี ประจำห้องข่าวห้องภาคเที่ยง วันจันทร์ถึงศุกร์ และข่าวภาคค่ำ
โดย...วรธาร ภาพ | ประกฤษณ์ จันทะวงษ์
ปูน-ช่อฟ้า เหล่าอารยะผู้ประกาศข่าวมากความสามารถจากช่อง 7 สี ประจำห้องข่าวห้องภาคเที่ยง วันจันทร์ถึงศุกร์ และข่าวภาคค่ำ (ข่าวพระราชสำนัก) ประจำวันอาทิตย์ ที่แม้จะมีแท็บเล็ต และกล้องถ่ายรูป แต่สิ่งที่เธอใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เช้าออกจากบ้านไปทำงานกระทั่งกลับมาบ้าน ก็คือโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่ขาดไม่ได้ ออกจากบ้านไปแล้วรู้ตัวว่าลืมโทรศัพท์ต้องรีบกลับ ถ้าไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นวันที่ยากลำบากของเธอ
“ถ้าไม่ได้ทำงานสื่อมวลชน ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านอาจไม่เป็นไร แต่พอทำงานสายนี้ ยังไงก็ต้องกลับบ้านไปหยิบโทรศัพท์มือถือ ถ้าไม่เอามาวันนั้นอยู่ยากแน่ เราต้องรับข้อมูลและส่งข้อมูลข่าวสารอยู่ตลอด ถ้าโฟกัสมาที่งานผู้ประกาศยุคนี้ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญและช่องทางที่ทำให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพอย่างมาก และทันต่อสถานการณ์ยิ่งขึ้น เหมือนว่ามีแบ็กอัพทีม คือมีทุกโต๊ะข่าวและทั้งกอง บก. อยู่กับเราทุกที่
ตื่นเช้ามาก็อัพเดทข้อมูลก่อนเลย ทั้งในส่วนของเอสเอ็มเอสข่าวที่อะเลิร์ต (Alert) เราอยู่ตลอดเวลา เว็บไซต์ข่าวของแต่ละสำนักข่าวที่อัพเดทเรื่อยๆ รวมถึงไลน์กรุ๊ปของทางสถานี ซึ่งเป็นกลุ่มส่งข่าวสำหรับผู้ประกาศโดยเฉพาะ รวมถึงไลน์กรุ๊ปส่งข่าวของผู้สื่อข่าวทั้งหมด เหล่านี้เราก็ต้องอัพเดทตลอดเวลา
ในช่วงเตรียมอ่านข่าวเมื่อได้สคริปต์อ่านข่าวมาเรียบร้อยแล้ว ยังต้องใช้สมาร์ทโฟนในการเช็กข้อมูลข่าวอีกที เช่น บางเรื่องอาจเคยเป็นข่าวมาแล้ว เราก็ไปเสิร์ชหาข้อมูลเก่ามาสนับสนุน หรือชื่อเฉพาะของบุคคล สถานที่ต่างๆ ที่บางชื่อไม่คุ้นเคย ตัวสะกด และคำอ่าน ก็ต้องเช็กก่อนเพื่อความถูกต้อง ก่อนทำหน้าที่ที่หน้าจอ
นอกจากเสิร์ชข้อมูลเองแล้ว ยังมีจุดที่เราสามารถรีเช็กข้อมูลอีกทาง ก็คือจากกรุ๊ปไลน์อ่านอย่างไรของทางสถานี ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา คำนี้คำนั้นไม่แน่ใจว่าอ่านถูกต้องหรือเปล่าถามได้เลย ไม่เพียงแค่นี้ ยังใช้แอพพลิเคชั่นของราชบัณฑิต ‘อ่านอย่างไร’ ซึ่งสอดคล้องกับงานของผู้ประกาศโดยตรง”
ช่อฟ้า กล่าวต่อว่า แม้ตอนขึ้นอ่านข่าวก็ต้องเปิดโทรศัพท์และปิดระบบเสียงไว้ เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้สื่อข่าวและบรรณาธิการข่าวที่จะส่งข่าวตรงเข้ามา บางครั้งมีข่าวด่วนเข้ามาในตอนนั้น ในขณะที่เพื่อนคนหนึ่งกำลังทำหน้าที่เป็นหลักอยู่ อีกสองคนก็พร้อมช่วยกันหาข้อมูลมาซัพพอร์ตข่าวนั้นๆ เช่น ข่าวประท้วง คนที่นำประท้วงในครั้งนี้เมื่อปีที่แล้วก็เคยนำประท้วง ในลักษณะแบบนี้เราก็ช่วยกันหาข้อมูลข่าวเก่าจากสมาร์ทโฟนได้
นอกจากการนำเสนอข่าวทางหน้าทางจอโทรทัศน์แล้ว ช่อง 7 สียังเสนอข่าวออนไลน์ตีคู่ไปด้วยกัน และทันต่อสถานการณ์ ฉะนั้น การมีสมาร์ทโฟนอยู่กับตัวจึงเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยให้การทำงานข่าวเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ และป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดกับงานหน้าจอด้วย
“เป็นผู้ประกาศใช่ว่าจะนั่งอยู่ในสตูดิโอเท่านั้นจึงจะรายงานได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไรขึ้นมา ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน หากอยู่ในเหตุการณ์ก็พร้อมที่จะรายงานเป็นเฟซบุ๊กไลฟ์กลับมาได้ ก็มีพี่ๆ หลายคนที่ใช้วิธีนี้ในกรณีที่อยู่จุดเกิดเหตุแล้ว แต่รถโอบียังไปไม่ถึง ก็ต้องรายงานมาก่อน ต้องทันต่อเหตุการณ์ เวลาไปต่างประเทศก็เก็บสกู๊ปสำคัญกลับมาได้ ปูนเองเคยไปญี่ปุ่นในช่วงครบรอบ 1 ปีสึนามิ ก็ใช้แค่อุปกรณ์พวกนี้ทำสกู๊ปกลับมาได้เลยค่ะ”
นอกจากสมาร์ทโฟนจะใช้ในการทำงานเป็นหลักแล้ว ผู้ประกาศคนเก่งบอกว่า สำหรับในพาร์ตส่วนตัว ยังอาศัยไว้ดูลูกจากกล้องวงจรปิดผ่านมือถือ เวลาออกจากบ้านมาทำงานด้วย เนื่องจากลูกยังเล็กอยู่และอากงเป็นคนดูแล เรียกว่า สมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องใช้คุ้มค่ามากๆ เลยทีเดีย


