posttoday

ระดมพล ‘กูรู’ เปิดลายแทงตามล่าหา "พระเอก" การลงทุน

31 มกราคม 2560

นอกจากในแต่ละช่วงของวัฏจักรเศรษฐกิจจะมี “พระเอก” ที่แตกต่างกันแล้ว สำหรับกูรูการเงินแต่ละคนก็มี “พระเอก” ในใจที่ไม่เหมือนกันด้วย

นอกจากในแต่ละช่วงของวัฏจักรเศรษฐกิจจะมี “พระเอก” ที่แตกต่างกันแล้ว สำหรับกูรูการเงินแต่ละคนก็มี “พระเอก” ในใจที่ไม่เหมือนกันด้วย แล้วพระเอกของแต่ละคนจะแซ่บแค่ไหน คงต้องตามไปดู

วิน อุดมรัชตวนิชย์

ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST

ต้องบอกก่อนว่า วิน มองว่าภาวะเศรษฐกิจตอนนี้อยู่ในช่วง “อิ่มตัวแต่ไม่ถดถอย” โดยที่เศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นยังคงเป็นพระเอกสำหรับการลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ได้ รวมทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และสินค้าเกษตร

“แต่ต้องระวังว่าหากเศรษฐกิจไม่ได้สดใสอย่างที่คิด พระเอกในช่วงครึ่งปีแรกอาจจะกลายเป็นผู้ร้ายในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะหุ้นที่อิงกับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น ทองคำอาจจะมาเป็นม้ามืดในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะเมื่อคนผิดหวังกับภาวะเศรษฐกิจก็จะออกไปหาการลงทุนที่เป็นเซฟเฮเวนอย่างทองคำ”

ฉัตรแก้ว เกราะทอง

ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี

“หุ้นที่มีการจ่ายปันผลดีที่เคยเป็นกองทุนดาวเด่นของเรามาตลอด แต่ปีนี้จะดีเป็นช่วงๆ เพราะภาพการลงทุนเปลี่ยนไป อัตราเงินเฟ้อมา อัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรเพิ่มขึ้น ทำให้การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคล้ายตราสารหนี้ที่ได้ผลตอบแทนไม่สูงจะได้รับความสนใจน้อยลง”

เพราะฉะนั้น พระเอกในปีนี้จึงยกให้ “หุ้นเติบโตสูง”

“เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาฟื้น จึงให้น้ำหนักกับหุ้นเติบโตสูงมากหน่อย รวมทั้งหุ้นขนาดกลางและเล็ก แต่ก็ยังควรมีหุ้นปันผลติดพอร์ตไว้ เพราะปีนี้ความผันผวนยังสูง ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ทั้งในทิศทางที่ดีและไม่ดี (แต่ให้น้ำหนักไปในทางที่ดีมากกว่าไม่ดี)”

ระดมพล ‘กูรู’ เปิดลายแทงตามล่าหา "พระเอก" การลงทุน

 

ธิดาศิริ ศรีสมิต

รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารทุน บลจ.กสิกรไทย

“เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้น และมีเงินเฟ้อนิดๆ ที่สามารถควบคุมได้ จะเป็นบวกกับตลาดหุ้น เพราะธุรกิจสามารถปรับราคาสินค้าขึ้นได้ ขณะที่ความต้องการซื้อสินค้ากลับมา ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นได้”

แต่ก็ไม่ใช่หุ้นทุกกลุ่มทุกตัวที่จะเป็นพระเอกแต่ต้อง “เลือกรายตัว” โดยคัดออกมาเฉพาะบริษัทที่สามารถปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นได้ และสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี เพราะเมื่ออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนี้ ยังต้องเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตที่ดีและราคาไม่แพง เพราะฉะนั้นต้องหาหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโต “พูดง่าย แต่หายากมาก”

ไพบูลย์ นลินทรางกูร

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้

ยังยืนยันว่า ในปี 2560 หุ้นจะรักษาความเป็นพระเอกได้ต่อเนื่องจากปี 2559 เพียงแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ กลุ่มหุ้นที่จะมาเป็นพระเอกเบอร์หนึ่ง

“หุ้นยังเป็นพระเอก แต่ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละปีจะมีอะไรที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจเรายังไม่ได้เติบโตด้วยเครื่องยนต์ทุกตัว”

เพราะฉะนั้น เมื่อปี 2559 เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยการลงทุนภาครัฐ แต่ในปี 2560 หวังว่าการท่องเที่ยวจะกลับมา รวมทั้งการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัวไปเมื่อไตรมาส 4 น่าจะเริ่มกลับมาได้ เพราะฉะนั้นหุ้นที่จะเป็นพระเอกก็ต้องเป็นหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว การบริโภค ค้าปลีก และอาจจะรวมไปถึงกลุ่มส่งออกด้วย

ระดมพล ‘กูรู’ เปิดลายแทงตามล่าหา "พระเอก" การลงทุน

เผดิมภพ สงเคราะห์

กรรมการผู้จัดการสายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย

หลังจากที่ฟันฉับลงไปแล้วว่า ตอนนี้ประเทศไทยถือว่าอยู่ในปลายช่วงที่ 2 กำลังจะเข้าช่วงที่ 3 เพราะฉะนั้นพระเอกสำหรับช่วงเวลาแบบนี้คือ สินค้าโภคภัณฑ์ โดยในระยะเวลา 1 ปีนับจากนี้ คนที่จะโดดเด่นที่สุดคือ “ทองคำ”

“การลงทุนทองคำ ช่วงนี้ควรเป็นกองทุนทองคำมากกว่าซื้อทองคำแท่ง เพราะเป็นการซื้อเพื่อลงทุน ไม่ได้ซื้อเก็บ จึงต้องเป็นทองคำในรูปแบบที่ซื้อขาย
ได้ง่าย”

นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน โรงกลั่น ปิโตรเคมี เหล็ก และกองเรือ (เพราะเป็นเหมือนเรือรบที่ใช้ขนส่งอัศวินสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ ไปสู้รบในตลาดโลก)

ในขณะที่หุ้นซึ่งถูกจัดให้เป็น “พระรอง” ของเศรษฐกิจช่วงนี้ จะมีการแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยคาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบประมาณ 240-320 จุด หรือประมาณ 15-20%

“เพราะฉะนั้นหุ้นในรอบนี้ต้องซื้อขายบ่อยๆ เปลี่ยนกลุ่มบ่อยๆ เปลี่ยนตัวบ่อยๆ และต้องถือเงินสดมากขึ้น”

วิน พรหมแพทย์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล

ถ้าเป็นพระเอกของเศรษฐกิจไทย จะยังเป็นการลงทุนภาครัฐ แต่ปีนี้จะมีพระเอกอีกคนมาช่วยเสริมคือ การท่องเที่ยว แต่ถ้าเป็นการลงทุน ยังคงชอบหุ้นปันผล เพราะอัตราดอกเบี้ยแม้จะอยู่ในขาขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำ

แต่ไม่ใช่ว่าเป็นแค่หุ้นปันผลธรรมดาๆ แล้วจะขึ้นมาเป็นพระเอกได้ แต่จะต้องเป็น “หุ้นปันผลที่มีอัตราการเติบโตสูง” หรือ Smart Dividend ถึงจะได้เป็นพระเอกตัวจริง

“แค่มีปันผลดีอย่างเดียวไม่พอ แต่จ่ายปันผลแล้วยังต้องมีเงินเหลือไปทำให้ธุรกิจเติบโตด้วย เพราะนำเงินออกมาจ่ายเงินปันผลจนหมด จะไม่มีเงินเหลือไปทำให้ธุรกิจเติบโต”

ข่าวล่าสุด

จากดราม่า ‘น้องหมากินข้าวร่วมโต๊ะในร้าน’ สู่การส่องกฎหมาย Pet Friendly ของ ‘เกาหลีใต้’