เครื่องใช้ไฟฟ้ารุก ‘สมาร์ทโฮม’ รองรับการอยู่อาศัยยุคดิจิทัล
พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
โดย...จะเรียม สำรวจ
พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และหนึ่งในธุรกิจที่มีการปรับตัวอย่างเห็นได้ชัดคือ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เห็นได้จากการทยอยออกมาเปิดตัวกลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้เทคโนโลยี และสื่อดิจิทัลเข้ามาเป็นตัวเสริมในการทำธุรกิจ
สำหรับแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ออกมาประกาศตัวในปีที่ผ่านมา ว่าจะนำเทคโนโลยีเข้ามารุกตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคือ พานาโซนิค โดย พานาโฮม คอร์ปอเรชั่น ได้มีการนำเสนอนวัตกรรมการก่อสร้าง KIRATECH ระบบก่อสร้างผนังเปลือกอาคารด้วยวัสดุตกแต่งชนิดพิเศษที่สามารถชะล้างทำความสะอาดตัวเองเมื่อสัมผัสกับแสงแดดหรือฝน
นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรม PURETECH การควบคุมระบบระบายอากาศภายในอาคารให้เกิดการหมุนเวียนอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกสู่ภายใน ระบบติดตั้งฉนวนกันความร้อน และระบบระบายอากาศ ECONAVI เพื่อให้อาคารเย็นสบายในฤดูร้อนและอบอุ่นในฤดูหนาว
พานาโซนิค มั่นใจว่าจะได้ข้อสรุปในด้านของพันธมิตรที่เข้าร่วมธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยภายในปี 2560 นี้ เบื้องต้นมีความสนใจที่จะพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในรูปแบบของบ้านจัดสรรก่อน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดเป็นสำคัญ
ขณะเดียวกัน พานาโซนิค ยังได้นำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับบ้านและการอยู่อาศัย หรือ Homes & Living ที่สอดคล้องกับรูปแบบการอยู่อาศัยในยุคใหม่ ด้วยนวัตกรรม “Smart and Safety Life” ที่เน้นความทันสมัยและระบบความปลอดภัยสูง
ฮิเดคาสึ อิโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจเจาะตลาดอสังหาริมทรัพย์เต็มรูปแบบด้วยกลยุทธ์ Total Solutions เพื่อให้การเข้าไปทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความครบครันมากที่สุด ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบกล้องวงจรปิด รวมถึงการเปิดตัว Soft Down Wall Unit ตู้เก็บของในครัวแบบแขวนผนัง พร้อมชั้นวางเลื่อนระดับตู้เก็บรองเท้าสำหรับการอยู่อาศัยในพื้นที่จำกัดอย่างคอนโดมิเนียม เป็นต้น
นอกจากนี้ ซัมซุง เป็นอีกบริษัทที่รุกเข้าสู่สมาร์ทโฮมอย่างเต็มตัว และได้ร่วมกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) นำเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าซัมซุงทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์ต่างๆ บนแพลตฟอร์ม IoT (Internet of Things) เชื่อมต่อและควบคุมทุกระบบภายในบ้าน เพื่อรองรับการอยู่อาศัยในยุคดิจิทัล
ทั้งนี้ จากการศึกษาของ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนเมือง พบว่า การใช้ชีวิตปัจจุบันจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้งานเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ เกือบทุกช่วงเวลา เอพีจึงร่วมกับไทยซัมซุง ที่มีความชำนาญเรื่องเทคโนโลยี เพื่อวางระบบอินเทลลิเจนต์โฮมในทุกพื้นที่ของบ้านตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล โดยระบบสมองกลอัจฉริยะจะควบคุมการทำงานอุปกรณ์ทุกชิ้นภายในบ้านให้สามารถสื่อสารและประมวลผลร่วมกัน รวมถึงการผสานนวัตกรรมระบบสั่งการด้วยเสียงให้สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยจริง
ขณะเดียวกัน ในปี 2560 ซัมซุงได้เปิดตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถตอบสนองการใช้ชีวิตคนเมืองมากขึ้น โดย วรรณา สวัสดิกูล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า ในปี 2560 ซัมซุงมองเห็นเมกะเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย 4 เทรนด์ด้วยกัน คือ 1) การเติบโตของเขตเมือง ประชากรในต่างจังหวัดย้ายเข้ามาอยู่ในเขตเมืองมากขึ้น รวมถึงขนาดครอบครัวในเขตเมืองที่เล็กลงจึงส่งผลให้ที่พักอาศัยในเขตเมืองที่มีพื้นที่จำกัด เช่น คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ และทาวน์เฮาส์ ขยายตัว
2) การเสพสื่อดิจิทัลและนักช็อปปิ้งออนไลน์ (Shopper 4.0) 3) พลังของผู้หญิงยุคใหม่ที่มีทั้งอำนาจในการตัดสินใจและอำนาจซื้อ และ 4) เทรนด์รักสุขภาพ ทำให้ประชากรไทยมีอายุเฉลี่ยยาวนานขึ้น และการเข้าสู่สังคมสูง ในปีนี้ซัมซุงเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านรุ่นใหม่ทั้งสิ้น 83 รุ่น ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ตอบสนองเทรนด์ดังกล่าว นอกจากนี้ จะหันมาโฟกัสช่องทางดิจิทัลทำการตลาดมากขึ้น ผ่านสื่อดิจิทัลทั้งกูเกิล เฟซบุ๊ก และไลน์ รวมไปถึงการพัฒนาไอบีคอน และแอพพลิเคชั่น เพื่อเป็นเครื่องมือส่งสัญญาณแจ้งข้อมูลข่าวสารและคูปองส่วนลด
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทที่เปิดตัวสินค้าเทคโนโลยีและนำระบบดิจิทัลมาปรับปรุงการให้บริการ เช่น บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา ได้ประกาศนำเทคโนโลยีมาพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีมาให้บริการลูกค้า ด้วยการพัฒนาระบบการสั่งซื้ออะไหล่ของเครื่องใช้ไฟฟ้ามิตซูบิชิ ผ่านช่องทางออนไลน์สำหรับร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ด้วยเว็บไซต์ www.MKYSPAREPART.COM เพื่อเพิ่มความแม่นยำและความถูกต้องในการสั่งซื้ออะไหล่ เพราะบริการหลังการขายที่ดีคือ หัวใจหลักของการทำธุรกิจ
เช่นเดียวกับ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ ที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการควบคุมประสิทธิภาพในการทำงานและการทำการตลาดในอนาคต เพื่อเดินตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของภาครัฐ เริ่มจากการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่ทางร้านค้าออนไลน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการส่งมอบสินค้าและการบริการหลังการขาย รวมถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำรวจการใช้บริการของลูกค้าบนสมาร์ทโฟน
การปรับตัวของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านครั้งนี้ ถือเป็นการปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหากทุกบริษัทมีการปรับตัวการให้บริการครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ซึ่งการแข่งขันของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่มสมาร์ทโฮม น่าจะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น


