posttoday

หุ่นยนต์กรุยทางอาชีพใหม่ พลิกโฉมตลาดแรงงานจีน

14 มกราคม 2560

ในปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการนำปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เข้ามาใช้งานในหลายภาคอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดความวิตกว่าประชากรโลกจำนวนมากจะโดนแย่งงาน

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

ในปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการนำปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เข้ามาใช้งานในหลายภาคอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดความวิตกว่าประชากรโลกจำนวนมากจะโดนแย่งงาน อย่างไรก็ดี สถานการณ์ดังกล่าวกลับเป็นโอกาสสำคัญในการพลิกโฉมตลาดแรงงาน และนำไปสู่การจ้างงานมากยิ่งขึ้นในภาคส่วนใหม่ๆ

บริษัทที่ปรึกษาบอสตัน คอนซัลติ้ง (บีซีจี) จากสหรัฐ และบริษัทวิจัยอาลีรีเสิร์ช อินสติติว เครือบริษัทอาลีบาบา ยักกษ์อี-คอมเมิร์ซในจีน คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัล มีแนวโน้มสร้างงานในจีนเพิ่มขึ้นถึง 415 ล้านอัตรา ภายในปี 2035 และภาคธุรกิจเทคโนโลยีคาดว่าจะคิดเป็นสัดส่วน 48% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

แม้ในช่วงแรก เอไอและนวัตกรรมต่างๆ ทำให้งานที่ใช้ทักษะน้อยและการทำงานซ้ำซากหายไป แต่ก็จะสร้างงานในภาคส่วนใหม่ในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับที่ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) คาดการณ์ว่า เทคโนโลยีจะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งงานใช้ทักษะน้อยในจีนราว 55-77% ขณะที่แรงงานทักษะสูงมีแนวโน้มไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

ทั้งนี้ จีนไม่ใช่ประเทศเดียวที่เอไอจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานในอนาคต โดยบีซีจีเปิดเผยผลการศึกษาในเยอรมนี ระบุว่า แม้อากาศยานไร้คนขับหรือโดรนและเอไอจะส่งผลให้งานไม่มีทักษะในโรงงานราว 6.10 แสนอัตรา หายไปภายในปี 2025 แต่จะช่วยเพิ่มการจ้างงาน 9.60 แสนอัตรา ในภาคธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ

“ผมขอยกตัวอย่างบริษัท ซีเมนส์ ในเยอรมนี ที่ปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 3 แสนราย โดยตำแหน่งงานในบริษัทจะหายไปในสัดส่วนราว 2 ใน 3 แต่ภายในระยะเวลาราว 10 ปี การจ้างงานในภาคส่วนใหม่ๆ ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นมาถึง 3 ส่วน” หรวน ฟาง ผู้อำนวยการบริหารของบีซีจี กล่าว

ทั้งนี้ ผลการศึกษาดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ หลังบริษัทลงทุนพัฒนาเอไอรายใหญ่ 2 แห่ง เปิดเผยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเอไอ โดยบริษัทดีปมายด์ในเครือกูเกิล ซึ่งพัฒนาเอไอชื่อ อัลฟาโก ระบุว่า อัลฟาโกสามารถเอาชนะผู้เล่นหมากล้อมในจีนได้ถึง 60 แมตช์ ด้านไป่ตู้ บริษัทไอทีรายใหญ่ในจีน ทดลองส่งเอไอไปร่วมในรายการเกมโชว์ ซึ่งสามารถแก้ปริศนาซับซ้อนต่างๆ ในรายการได้

อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาระบุว่า แม้หุ่นยนต์จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้ แต่ยังไม่อาจเข้ามาทำงานที่ต้องใช้อารมณ์และความคิดสร้างสรรค์สูงได้ในขณะนี้

มุ่งสู่ยุคแห่งงานพาร์ตไทม์

อาลีรีเสิร์ช เปิดเผยว่า เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ทำให้คนสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ผ่านอินเทอร์เน็ต และคาดการณ์ว่าชาวจีนราว 400 ล้านคน จะเลิกทำงานประจำและหันไปทำงานเป็นนายตัวเองภายในปี 2036

ผลการศึกษายกตัวอย่าง ตีตี้ ชูซิ่ง ธุรกิจแท็กซี่ออนไลน์ในจีน ที่ช่วยให้ชาวจีนที่มีใบขับขี่ราว 15 ล้านคน สามารถทำงานพาร์ตไทม์เพื่อหารายได้เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ เถาเป่า แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ของอาลีบาบา ซึ่งทำให้ผู้ค้าขายหลายแสนรายมีช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่ม และสร้างงานด้านโลจิสติกส์อีกราว 3 ล้านอัตรา

ด้าน เฮาเจี้ยน หัวหน้าที่ปรึกษาจาก เจาปินดอทคอม บริษัทจัดหางานออนไลน์รายใหญ่ในจีน เปิดเผยว่า แนวโน้มการหางานเริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากการหางานประจำแบบเดิม ไปสู่การทำงานพาร์ตไทม์ผ่านอินเทอร์เน็ต

“ความต้องการทำงานพาร์ตไทม์ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เพิ่มขึ้นถึง 113% เมื่อปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับตำแหน่งงานประจำ 60 ประเภท บนเว็บไซต์ของเจาปิน” เฮาเจี้ยน กล่าว

อียูเล็งให้สถานะบุคคลเอไอ

เดอะ การ์เดี้ยน รายงานว่า คณะกรรมาธิการยุโรป เตรียมอภิปรายและลงมติร่างกฎหมายว่าด้วยกฎระเบียบเกี่ยวกับเอไอในเดือน ก.พ. ซึ่งเสนอให้หุ่นยนต์และเอไอในยุโรป ได้รับสถานะบุคคลอิเล็กทรอนิกส์

ร่างกฎหมายดังกล่าวยังจะมุ่งเพิ่มความชัดเจนใน 5 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ ข้อกำหนดในการสร้างเอไอในยุโรป คำจำกัดความทางกฎหมายของเอไอ ระเบียบปฏิบัติทางจริยธรรม การผลิต และการใช้งานเอไอสำหรับวิศวกรหุ่นยนต์ การกำหนดให้บริษัทพัฒนาเอไอรายงานผลกระทบจากเอไอต่อเศรษฐกิจและสังคม และแผนประกันภัยแบบใหม่สำหรับบริษัทต่างๆ ในการเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเอไอ

ทั้งนี้ หลักจริยธรรมในการออกแบบเอไอ ยังครอบคลุมถึงการเสนอให้วิศวกรเพิ่มปุ่ม “ทำลายตัวเอง” เข้าไปในหุ่นยนต์สำหรับกรณีฉุกเฉิน รวมถึงการกำหนดให้สามารถตั้งโปรแกรมเอไอใหม่ กรณีที่ไม่สามารถใช้งานได้ตามต้องการ

“ชีวิตประจำวันของมนุษย์เริ่มได้รับผลกระทบจากเอไอมากขึ้นทุกที เราจึงจำเป็นต้องวางระเบียบปฏิบัติที่ชัดเจนในยุโรปเพื่อจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าว ขณะที่ต้องสร้างความมั่นใจว่า เอไอได้รับการออกแบบมาเพื่อทำงานให้มนุษย์” มาดี้ เดลโว สมาชิกคณะกรรมาธิการยุโรปจากลักเซมเบิร์ก ซึ่งเป็นผู้เสนอร่างกฎหมายดังกล่าว ระบุ

ข่าวล่าสุด

ญี่ปุ่นเตรียมเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของโลกอีกครั้ง หลังเหตุฟุกุชิมะ 15 ปี