จุดยืนขององค์กร
ช่วงนี้เข้าปลายปี หลายบริษัทก็เริ่มวางแผนสำหรับปีหน้ากันแล้วค่ะ ในแต่ละปีก็จะมีเป้าหมายและแผนงานของปีนั้นๆ เช่น จะทำยอดขายเท่าไหร่ กำไรเติบโตเท่าไหร่ หรือการแก้ปัญหาที่เผชิญในปีที่ผ่านมา ในช่วงนี้ดิฉันก็นำทีมไป Outing ข้างนอก เพื่อทำแผนสำหรับปีหน้าเช่นกัน เลยอยากจะนำมุมมองเกี่ยวกับแผนงานบริษัทมาแลกเปลี่ยนกันค่ะ
ช่วงนี้เข้าปลายปี หลายบริษัทก็เริ่มวางแผนสำหรับปีหน้ากันแล้วค่ะ ในแต่ละปีก็จะมีเป้าหมายและแผนงานของปีนั้นๆ เช่น จะทำยอดขายเท่าไหร่ กำไรเติบโตเท่าไหร่ หรือการแก้ปัญหาที่เผชิญในปีที่ผ่านมา ในช่วงนี้ดิฉันก็นำทีมไป Outing ข้างนอก เพื่อทำแผนสำหรับปีหน้าเช่นกัน เลยอยากจะนำมุมมองเกี่ยวกับแผนงานบริษัทมาแลกเปลี่ยนกันค่ะ
ปกติแล้วทุกๆ บริษัทก็จะมีการกำหนดโจทย์ของแต่ละปีที่เปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนไปด้วย และโดยมากแล้วเป้าหมายที่คาดหวังก็จะมุ่งที่การเติบโตเมื่อสิ้นปี ไม่ว่าจะเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นหรือกำไรที่โตขึ้น ซึ่งจะถูกกำหนดเป็น Mission หรือพันธกิจของบริษัทในแต่ละปีไป แต่อย่างไรก็ตามในการดำเนินงาน
ของบริษัทเรามักจะกำหนดสิ่งที่เป็นเป้าหมายระยะยาวที่ทุกคนต่างมุ่งหวังที่จะไปถึง ซึ่งก็คือ Vision หรือวิสัยทัศน์นั่นเอง ซึ่งไม่ได้มุ่งเน้นแค่การมียอดขายหรือผลกำไรที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่สิ่งนี้บ่งบอกถึงจุดยืนหรือตัวตนขององค์กรที่เราต้องการให้เป็นทั้งในโลกธุรกิจหรือการรับรู้ของสังคม
แน่นอนว่าในแต่ละปีบริษัทก็จะมีเป้าหมายระยะสั้นที่ต้องกำหนดและสามารถบรรลุได้ในกรอบเวลา 1 ปี แต่ในภาพใหญ่การกำหนดแผนงานหรือพันธกิจของบริษัทจะต้องสอดคล้องและนำพาให้บริษัทเดินไปถึงจุดหมายที่ตั้งเป้าไว้ในระยะยาว เนื่องจากการวัดความสำเร็จของบริษัทนั้นวัดกันในระยะยาว เราเห็นตัวอย่างบริษัทที่มีชื่อเสียงทั้งในไทยหรือต่างประเทศ ล้วนแล้วแต่เกิดจากการสั่งสมความสำเร็จมายาวนานและสร้างประสบการณ์ที่ดีกับทั้งลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสียจนเป็นที่ไว้วางใจและเชื่อมั่นในบริษัท
บริษัทเหล่านี้สามารถขึ้นมายืนเป็นแถวหน้าของวงการได้อย่างมั่นคงได้ เพราะยึดมั่นในวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ตั้งไว้และทุกปีก็ทำงานเพื่อเดินไปสู่จุดนั้น ลองนึกภาพแบรนด์สินค้าที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและต้องผูกพันกับผู้บริโภคอย่างมาก เช่น บ้านหรือรถยนต์ ที่ต้องใช้เวลาลงทุนพัฒนานานมาก และต้องอยู่กับผู้บริโภคหลายปี หากบริษัทขาดความมั่นคงและไม่สามารถเติบโตในระยะยาวก็ย่อมไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค
หากว่าบริษัทขาดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนก็จะส่งผลให้ทิศทางขององค์กรนั้นไม่แน่ชัดและขาดความมั่นคงในระยะยาว บริษัทก็จะมุ่งแต่การมองเป้าหมายในระยะสั้นที่จับต้องได้ทันที และถูกแรงกดดันหรือความท้าทายในระยะสั้นเข้ามาบีบและชี้นำทิศทางองค์กรไปเรื่อยๆ จนไขว้เขวไปมาทุกปีและขาดความชัดเจน งานที่ทำออกมาในแต่ละปีก็จะไม่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่หรือสร้างประโยชน์ให้องค์กรและผู้เกี่ยวข้องได้ในระยะยาว
เรื่องของวิสัยทัศน์จึงสำคัญมาก เพราะมันจะช่วยบอกเราว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในแต่ละปีนั้นถูกต้องหรือไม่ แม้บางปีจะขาดทุนบ้างแต่หากทำไปต่อเนื่องแล้วยอดขายและผลกำไรค่อยๆ ดีขึ้น แบรนด์เป็นที่ยอมรับมากขึ้น ก็ย่อมยืนยันได้ว่าทิศทางโดยรวมขององค์กรนั้นมาถูกทาง ตรงกันข้ามหากสิ่งที่ทำอยู่ยิ่งทำยิ่งแย่ลง ไม่มีอะไรดีขึ้น นั่นก็ถึงเวลาที่องค์กรจะต้องมีการทบทวนวิสัยทัศน์กันใหม่มากกว่าที่จะมองแค่ปัญหาระยะสั้น
ฉะนั้นกุญแจสำคัญในการนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ยั่งยืนก็คือการมีแผนการที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ เพราะจะช่วยให้การดำเนินงานแต่ละปีบรรลุเป้าหมายระยะสั้นและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปีก่อนๆ ให้ลุล่วงไปได้ ขณะเดียวกันองค์กรก็จะเติบโตไปสู่ทิศทางที่ชัดเจนในระยะยาวอย่างมั่นคง อีกทั้งวิสัยทัศน์จะเป็นกรอบและช่วยตรวจสอบแผนในแต่ละปีว่ามีความชัดเจนและตอบโจทย์ที่แท้จริงขององค์กรและผู้เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ค่ะ


