รุกแตกธุรกิจผ่านยี่ห้อ500ไร่
ชูแบรนด์ 500 ไร่ ขยายธุรกิจปีหน้า พร้อมรุกทำทัวร์เชื่อมต่อแพ 500 ไร่กับแหล่งท่องเที่ยวอื่นในไทย
ชูแบรนด์ 500 ไร่ ขยายธุรกิจปีหน้า พร้อมรุกทำทัวร์เชื่อมต่อแพ 500 ไร่กับแหล่งท่องเที่ยวอื่นในไทย
นายอติรัตน์ ด่านภัทรวรวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุราษฎร์อินเตอร์ทัวร์ และแพ 500 ไร่ เขื่อนเชี่ยวหลาน เปิดเผยว่า ปีหน้าจะนำแบรนด์ 500 ไร่ ซึ่งเป็นชื่อแพที่ให้บริการ มาขยายธุรกิจให้ชัดเจนขึ้นหลังแบรนด์นี้แข็งแกร่งในตลาด โดยจะเปิดตัวโรงแรมใหม่มีกว่า 30 ห้องในเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี ภายใต้แบรนด์นี้ คาดว่าจะลงทุนกว่า 100 ล้านบาท จากนั้นจะทยอยรีแบรนด์ที่พักและบริการท่องเที่ยวอื่นที่มีอยู่เป็นแบรนด์ 500 ไร่เช่นกัน เพราะคนเข้าใจแนวคิด 500 ไร่ดีแล้วว่าเป็นแบรนด์ที่เน้นตลาดคุณภาพ และคำนึงเรื่องการนำเสนอท่องเที่ยววิถีไทย
ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายนำแพ 500 ไร่ไปเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวอื่นในประเทศไทย จากปัจจุบันเริ่มเชื่อมโยงแล้วบางจุด เช่น มาเที่ยวแพ 500 ไร่ แล้วไปเที่ยวทะเลเมียนมาต่อ หรือมาเที่ยวแพ 500 ไร่ แล้วไปเที่ยวทางอ่าวไทย หรืออันดามันต่อ เนื่องจากต้องการให้แบรนด์ 500 ไร่ เป็นเหมือนศูนย์กลางให้บริการท่องเที่ยวแบบครบวงจร
นายอติรัตน์ กล่าวว่า การทำทัวร์ยังใช้ชื่อบริษัท สุราษฎร์อินเตอร์ทัวร์ เช่นเดิม ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็น 500 ไร่ด้วย และมีแผนว่าจะขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวให้ครอบคลุมขึ้น จากปัจจุบันมีใบอนุญาตนำเที่ยวในประเทศอย่างเดียว
ขณะนี้กำลังขอใบอนุญาตทำธุรกิจนำเที่ยวอินบาวด์ คือนำคนต่างชาติมาเที่ยวในไทย และเอาต์บาวด์ คือนำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่มเติม เนื่องจากมองเห็นศักยภาพตลาดต่างชาติที่ต้องการมาเที่ยววิถีไทย สัมผัสวัฒนธรรมไทย จึงอยากเข้าไปเจาะตลาดต่างประเทศเที่ยวแพ 500 ไร่ และจุดหมายอื่นๆ ที่จะเชื่อมโยง รวมถึงอยากนำคนไทยไปเที่ยว
ต่างประเทศ ภายใต้แนวคิดมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพแบบฉบับเดียวกับที่ทำแพ 500 ไร่
“เป้าหมายการเติบโตไม่เน้นหวือหวา โดยปีหน้าคาดว่าจะโตได้ 10-15% จากการขยายกลุ่มธุรกิจที่ทำโดยเชื่อมโยงจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่” นายอติรัตน์ กล่าว
ด้านภาพรวมการทำตลาด 500 ไร่ปีหน้า จะปรับแผนให้น้ำหนักทำตลาดออนไลน์มากขึ้น อาจลดจำนวนครั้งในการออกงานท่องเที่ยวลง เพราะสัดส่วนลูกค้าที่เข้ามาผ่านช่องทางสังคมออนไลน์ขยายตัวก้าวกระโดด จากการเปรียบเทียบช่วงเวลาออกงานท่องเที่ยวล่าสุดต้นเดือน พ.ย. พบว่าลูกค้าจองผ่านบูธในงานท่องเที่ยว 20% แต่มาผ่านออนไลน์ช่วงเดียวกัน 80% โดยจุดยืนการขายจะเหมือนเดิม คือเน้นทำตลาดด้วยการเสนอผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างให้คนเห็นว่าทำไมต้องยอมจ่าย ไม่ใช่เรื่องราคาแข่งขัน


