ภารกิจโรงงานหลวงที่ 3 สานต่อ 'ดอยคำ' เพิ่มรายได้เกษตรกร
หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2523 พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จฯ ไปที่ กิ่ง อ.เต่างอย จ.สกลนคร
โดย...จะเรียม สำรวจ
หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2523 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จฯ ไปที่ กิ่ง อ.เต่างอย จ.สกลนคร ซึ่งการเสด็จฯ ไปในครั้งนั้นพระองค์ ทรงรถยนต์เข้าไปในหมู่บ้านโดยไม่มีหมายกำหนดการ เมื่อเข้าไปแล้วทรงเห็นความลำบากยากแค้นของชาวบ้าน จึงมีพระราชดำริที่ต้องการจะช่วยเหลือชาวบ้านให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่สี ชมพู ซึ่งเป็นพื้นที่การทำงานของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และ เต่างอยเป็นพื้นที่สำคัญเพราะถือเป็น อู่ข้าวอู่น้ำของพรรคคอมมิวนิสต์
จากปัญหาที่เกิดขึ้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงมีพระราชประสงค์ที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการเข้าไปดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านให้ดีขึ้น โดยการใช้เรื่องพัฒนาด้านการเกษตรเป็นตัวแก้ไขปัญหา เพื่อให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการทำนา ซึ่งพื้นที่ของ อ.เต่างอย จะปลูกข้าวได้ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
หลังจากมีพระราชกระแสรับสั่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เริ่มมีการส่งเสริมเกษตรกรให้มีรายได้เสริม ด้วยการปลูกมะเขือเทศและสร้างโรงงานขึ้นมาภายใต้ชื่อ โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 เพื่อแปรรูปมะเขือเทศให้เป็นน้ำมะเขือเทศเข้มข้นภายใต้แบรนด์ดอยคำ ออกจำหน่ายในท้องตลาด โดยมีบริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร เป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านการตลาดและจัดจำหน่าย
โชติรส สุภิญโญ ผู้จัดการแผนกผลิต บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร กล่าวว่า โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 นี้จะทำหน้าที่ในการผลิตน้ำมะเขือเทศกระป๋องสูตรเข้มข้นเข้าทำตลาด ส่วนโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 1 ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ จะทาหน้าที่ผลิตน้ำมะเขือเทศสูตรเข้มข้น ในรูปแบบขวด และสตรอเบอร์รี่อบแห้ง เป็นต้น ขณะที่โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย จะทำหน้าที่ผลิตน้ำมะเขือเทศในรูปแบบกล่องยูเอชทีเป็นหลัก
ทั้งนี้ หากมองในด้านของรายได้ของโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปทั้ง 3 แห่ง โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 2 จะมีรายได้มากที่สุด เนื่องจากผลิตสินค้าที่ตลาดมีความต้องการมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 จะมีรายได้น้อยกว่าโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 2 แต่ในทุกๆ ปีที่ผ่านมา โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 ก็สามารถสร้างรายได้ให้ปีละไม่ต่ากว่า 250 ล้านบาท เนื่องจากสินค้าที่ผลิตออกจำหน่ายไม่ได้มีแค่ผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศเพียงอย่างเดียว
ปัจจุบัน โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 มีสินค้าที่ผลิตภายในโรงงานด้วยกัน 2 กลุ่มหลัก คือ 1.การผลิตน้ำ มะเขือเทศกระป๋องสูตรเข้มข้น และการผลิตผลไม้อบแห้ง ที่รับซื้อจากเกษตรกรใน อ.เต่างอย และพื้นที่ใกล้เคียง โดยในส่วนของสินค้าที่รับซื้อมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้งก็จะมีทั้งในส่วนของมะละกอ มะม่วง ขิง กระเจี๊ยบ และว่านหางจระเข้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการรับซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกร เช่น ข้าวหอมมะลิประเภทต่างๆ เพื่อนำไปจำหน่ายต่ออีกด้วย
ทั้งหมดที่โรงงานหลวงอาหาร สำเร็จรูปได้ดำเนินการก็เพื่อช่วยเหลือให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากการนำพืชผลทางการเกษตรมาแปรรูปเป็นสินค้าประเภทต่างๆ นอกเหนือจากการแปรรูปมะเขือเทศ ซึ่งจะมีช่วงเวลาในการรับซื้อและแปรรูปผลิตภัณฑ์ในช่วงระยะเวลา 4-5 เดือน นับจากเดือน ธ.ค.-มี.ค.โดยประมาณ หลังจากนั้นประมาณเดือน เม.ย.-พ.ย. เกษตรกรใน อ.เต่างอย และพื้นที่ใกล้เคียงก็จะกลับมาปลูกข้าว ซึ่งถือเป็นอาชีพหลักของเกษตรกร


