คนรุ่นใหม่บูมแชตคอมเมิร์ซ ‘สยาม เอาท์เลท’ชูบริการครบ
โดย...จะเรียม สำรวจ
โดย...จะเรียม สำรวจ
หากพูดถึงโซเชียลมีเดียนอกจากจะเป็นสื่อที่ช่วยให้คนเราสามารถติดต่อสื่อสารพูดคุยกันได้ง่ายแล้ว ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อขายสินค้าให้ง่ายขึ้นอีกเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันคนไทยให้ความสนใจในสื่อโซเชียลเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรือไลน์
จากความนิยมที่แพร่หลายดังกล่าว ส่งผลให้คนรุ่นใหม่เกิดแนวคิดในการขายสินค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เนื่องจากเป็นสื่อที่สามารถสื่อสารได้ 2 ทาง และสามารถแสดงภาพสินค้าให้ลูกค้าได้เข้ามาเลือกชมเลือกซื้อ พร้อมตอบโต้เจรจาซื้อขายกันได้ในทันที จึงทำให้ปัจจุบันสื่อดังกล่าวเป็นที่นิยมและเกิดธุรกิจในรูปแบบ Chat Commerce ขึ้น
การขยายตัวของธุรกิจแชตคอมเมิร์ซที่มีอัตราการเติบโตอย่างมากในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ส่งผลให้ปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายผ่านธุรกิจแชตคอมเมิร์ซมีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 51% ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว น้ำฝน-ชญาภัค สหัชอติเรกลาภ สาวแห่งแวดวงธุรกิจอีเวนต์ ออร์แกไนเซอร์ จึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจดังกล่าว ด้วยการลาออกจากวงการธุรกิจอีเวนต์ ออร์แกไนเซอร์ มาเปิดตัวบริษัท สยาม เอาท์เลท เป็นของตัวเอง เพื่อให้บริการด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์ให้กับร้านค้าออนไลน์แบบครบวงจร (End-to-end logistics management for chat-commerce) โดยเน้นพัฒนาบริการต่างๆ ให้กลุ่ม Chat Commerce หรือกลุ่มร้านค้าที่ขายสินค้าอยู่บนเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรือไลน์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดในตลาดออนไลน์ของประเทศไทย
ชญาภัค กรรมผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท สยาม เอาท์เลท เล่าว่า หลังจากทำงานด้านอีเวนต์ ออร์แกไนเซอร์มาพักใหญ่ ชญาภัค ก็อยากค้นหาตัวเอง อยากทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และได้มองเห็นโอกาสในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งก่อนที่จะมาเปิดบริษัททำธุรกิจโลจิสติกส์ให้กับผู้ประกอบการ Chat Commerce ก็ได้เคยทดลองผันตัวเองเป็นแม่ค้าด้วยการขายสินค้าออนไลน์ ทำไประยะหนึ่งไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องของการขนส่งสินค้า
จากปัญหาที่เกิดขึ้น ชญาภัค จึงพลิกวิกฤตที่เจอกับตัวเองเปลี่ยนมาเป็นโอกาส ด้วยการผันตัวเองเป็นผู้ให้บริการจัดส่งสินค้า ด้วยการชักชวน น็อต-ชนะชัย พฤกษชัต เด็กนักเรียนมัธยมปลายเจ้าของร้าน “สมหมายขายกางเกง”นักธุรกิจรุ่นเยาว์ ที่เริ่มต้นธุรกิจเพราะหาซื้อกางเกงขาสั้นที่ตัวเองต้องการใส่ไม่ได้ จึงทดลองขายผ่านอินเทอร์เน็ต จนกลายมาเป็นแบรนด์กางเกงขาสั้นที่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นในยุคปัจจุบัน มาร่วมกันก่อตั้งบริษัท สยาม เอาท์เลท ในปี 2558 โดยมีเป้าหมายจะเป็นสุดยอดผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรให้กับร้านค้าออนไลน์ไทย ตั้งแต่การช่วยนำเข้าสินค้า จัดการพิธีการศุลกากรต่างๆ ไปจนถึงการบริหารการจัดส่งถึงที่
นอกจากจะได้ทีมงานมืออาชีพเข้ามาร่วมธุรกิจแล้ว ชญาภัค ยังมีทีมที่ปรึกษาและผู้ถือหุ้นที่มากด้วยประสบการณ์ในด้านต่างๆ เข้ามาร่วมผลักดันให้บริษัท สยาม เอาท์เลท เติบโตไปข้างหน้าไม่ว่าจะเป็น ธีรวีร์ ศิรินภสวัสดิ์ ผู้ที่นำประสบการณ์กว่า 22 ปีในด้านไอที เข้ามาช่วยดูแลในด้านของระบบไอที, โยอิจิ รีโอ คาคูอิ เจ้าของโกดังสำหรับธุรกิจ E-Commerce อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นในด้านการพัฒนาคุณภาพการให้บริการด้านโลจิสติกส์ เข้ามาช่วยให้คำปรึกษาในด้านของการทำธุรกิจโลจิสติกส์ หรือ ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ เจ้าของ Tarad.com เข้ามาร่วมเป็นที่ปรึกษาและร่วมถือหุ้นในบริษัท สยาม เอาท์เลท
ชญาภัค เล่าต่อว่า บริการหลักๆ ของบริษัทจะมี 6 บริการ คือ 1.Pick up หรือบริการรับของจากต้นทาง ไม่ว่าจะเป็นโรงงานที่ผลิตสินค้าในประเทศหรือต่างประเทศ 2.เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรือไลน์ บริการเตรียมสินค้าให้พร้อมขาย และตรวจสอบคุณภาพสินค้าทุกชิ้นให้ตรงมาตรฐาน 3.Store บริการพื้นที่โกดังมาตรฐานสำหรับสินค้าทุกชนิด ทั้งแบบห้องปรับอากาศและห้องอุณหภูมิปกติ 4.Pick/Pack บริการจัดของ และแพ็กของด้วยพนักงานมืออาชีพ 5.Delivery บริการการจัดส่งของผ่านไปรษณีย์ไทย DHL และ Sendit 6.Return บริการรับคืนของ และเปลี่ยนไซส์ต่างๆ
จากบริการที่ครบวงจรดังกล่าวส่งผลให้ธุรกิจของบริษัท สยาม เอาท์เลท ขยายตัวอย่างรวดเร็วประมาณ 40 เท่า ภายใน 7 เดือนแรกที่เปิดให้บริการ ซึ่งส่วนหนึ่งของความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากการนำเอาแนวคิด Kaizen เข้ามาใช้ในกระบวนการทำงานต่างๆ โดยมีพื้นฐานความคิดเดียวกันตั้งแต่ผู้บริหารสูงสุดไปจนถึงพนักงานแพ็กสินค้าว่า “กล้าเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า”
ปัจจุบันบริษัท สยาม เอาท์เลท มีคลังสินค้าอยู่ 1 แห่งที่ซอยสาธุประดิษฐ์ 58 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 100 ตร.ม. มีร้านค้าออนไลน์ที่ให้ความเชื่อมั่นใช้บริการกว่า 80 ราย มีจำนวนสินค้าที่ส่งออกจากโกดังเดือนละกว่า 1 หมื่นชิ้น นอกจากการให้บริการโกดังสำหรับร้านค้าออนไลน์แล้วบริษัท สยาม เอาท์เลท ยังมีแผนพัฒนาบริการใหม่ที่จะเริ่มเปิดให้บริการภายในปี 2559 เช่น บริการรับฝากส่งสินค้า โดยร้านค้าเพียงแค่นำสินค้ามาฝากส่งไว้ที่จุดให้บริการของสยาม เอาท์เลท ที่จะกระจายอยู่ทั่วประเทศ 100 แห่ง ภายในปี 2560
ผลการตอบรับที่ดีดังกล่าวทำให้ ชญาภัค มีแผนที่จะขยายโกดังเก็บสินค้าเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาทำเลในย่านราษฎร์บูรณะ และพระราม 3 ซึ่งหากทำเลดังกล่าวมีความเหมาะสมก็จะดำเนินการสร้างโกดังเก็บสินค้าแห่งละ 500 ตร.ม.ทันที เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเพิ่มจุดรับส่งสินค้าในคอนโดมิเนียม และปั๊มน้ำมันในรูปแบบไดรฟ์ทรู เพื่อให้ลูกค้าที่ขายสินค้าออนไลน์สามารถนำสินค้ามาส่งให้กับสยาม เอาท์เลท แล้วจัดส่งสินค้าต่อไปจนถึงมือลูกค้าที่สั่งสินค้า ซึ่งในส่วนของธุรกิจดังกล่าว ชญาภัค มีแผนที่จะทำด้วยตัวเองและขายแฟรนไชส์ เพื่อให้บริการกระจายครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั่วประเทศ
อีกหนึ่งบริการที่ ชญาภัค อยากจะเริ่มเปิดให้บริการในปี 2560 คือ การมีรถรับส่งสินค้า ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ว่าจะเป็นในรูปแบบแบบไหนระหว่างมอเตอร์ไซค์ และรถ 4 ล้อเล็ก เนื่องจากต้องการให้บริการมีความครบวงจร และขนส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งจากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าวคาดว่าจะใช้งบลงทุนทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
จากความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเองมากขึ้น และธุรกิจ Chat Commerce ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมธุรกิจดังกล่าวมีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ


