"GLC 250 d 4MATIC"สปอร์ตเอสยูวีรุ่นล่าสุดจากเบนซ์
เมอร์เซเดส-เบนซ์ประเทศไทยเปิดตัว สปอร์ตเอสยูวีรุ่นล่าสุด "GLC 250 d 4MATIC" ราคาเริ่ม 4,090,000 บาท
เมอร์เซเดส-เบนซ์ประเทศไทยเปิดตัว สปอร์ตเอสยูวีรุ่นล่าสุด "GLC 250 d 4MATIC" ราคาเริ่ม 4,090,000 บาท
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวรถยนต์สปอร์ตเอสยูวีรุ่นล่าสุด "GLC 250 d 4MATIC Coupe" ที่ผสานความอเนกประสงค์ของรถยนต์สไตล์เอสยูวีและความสปอร์ตเข้าด้วยกัน โดยรถยนต์รุ่นนี้มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ GLC 250 d 4MATIC Coupe AMG Dynamic ราคา 4,090,000 บาท และ GLC 250 d 4MATIC Coupe AMG Plus ราคา 4,490,000 บาท
ดีไซน์ภายนอก ของทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่ มีสัญลักษณ์โลโก้เมอร์เซเดส-เบนซ์ขนาดใหญ่ตรงกลาง เสริมไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System และไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED fibre-optic ด้านท้ายเพิ่มความแข็งแกร่งดุดันด้วยปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ พร้อมด้วยชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลัง), ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว, บันไดข้างสเตนเลสดีไซน์สปอร์ต โดย GLC 250 d 4MATIC Coupe AMG Plus จะมาพร้อมหลังคาซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
รถยนต์ทั้ง 2 แบบยังมาพร้อมกับพวงมาลัยนิรภัยพร้อมเพาเวอร์ ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ เพื่อเสริมความรู้สึกสปอร์ตให้มากขึ้นโดยรถยนต์รุ่นนี้มีอัตราทดการหมุนพวงมาลัย (องศาการหมุนของล้อหน้าต่อการหมุนพวงมาลัยหนึ่งรอบ) ที่ 15.1 ต่อ 1 (ในขณะที่อัตราทดการหมุนพวงมาลัยของรถยนต์รุ่น GLC นั้นอยู่ที่ 16.1 ต่อ 1) ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น และช่วยเสริมความรู้สึกสปอร์ตเมื่อเลือกใช้โหมดของระบบกันสะเทือนแบบ SPORT และ SPORT+, ฟังก์ชัน ECO start/stop, ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบ THERMATIC แบบ 2 โซน, เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมบันทึกหน่วยความจำ
ขณะที่เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3/2:3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น รวมถึงระบบมัลติมีเดีย อย่าง ระบบวิทยุ-ซีดี MB Audio 20, ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Bluetooth, ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย touchpad และระบบรองรับการใช้งานระบบนำทาง (Pre-installation for SD-Card navigation) โดย GLC 250 d 4MATIC Coupé AMG Plus ตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังแบบสปอร์ตพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO รวมถึงระบบเสียงรอบทิศทางระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display)
โครงสร้างตัวถัง ของ The GLC Coupe มาพร้อมกับมิติของตัวรถที่มีขนาดยาวขึ้น เริ่มจากความยาวที่ 4,732 มม. ยาวกว่า The GLC 76 มม. ความสูงที่ 1,602 มม. สูงน้อยกว่า The GLC 38 มม. และฐานล้อที่ 2,873 มม. ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับ The GLC พร้อมด้วยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่กว้างขวางด้วยความจุ 491-1,400 ลิตร ซึ่งนับเป็นความจุที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์กลุ่มเดียวกัน นอกจากนี้ ขนาดห้องโดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลัง ความสูงของประตู พื้นที่ว่างเหนือหัวไหล่ พื้นที่ว่างบริเวณข้อศอก และพื้นที่วางขาของรถยนต์รุ่นนี้ยังคงความกว้างขวางเท่ากับรถยนต์รุ่น The GLC รวมถึงการออกแบบให้ชุดถ่ายกำลังสำหรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (transfer case) เป็นระบบแยกจากระบบเกียร์ รวมไปถึงการผลิตฝาครอบชุดระบบเกียร์ 9G-TRONIC ที่ผลิตจากแมกนีเซียม ยังช่วยให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ลดน้ำหนักตัวรถลงได้ถึง 12 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นอื่นที่มีระบบเดียวกัน
ความปลอดภัยและเทคโนโลยี ของ The GLC Coupe มาพร้อมกับระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัย อาทิ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program - ESP), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist, ไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS), ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist),ระบบเตือนแรงดันยาง (tyre pressure loss warning system) และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง เป็นต้น
นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบส่งกำลังที่รองรับระบบ Dynamic Select ซึ่งมีโหมดการขับขี่ 5 แบบ คือ Eco ที่ช่วยปรับการขับขี่เข้าสู่ระบบประหยัดน้ำมัน, Individual ที่สามารถบันทึกรูปแบบการขับขี่ที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้ได้, Comfort ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน, Sport และ Sport+ เน้นการเพิ่มความเร้าใจให้กับการขับขี่มากยิ่งขึ้น
The GLC Coupe ทั้ง 2 แบบ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ และเกียร์อัตโนมัติ แบบ 9G-TRONIC ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ 4MATIC Permanent all-wheel drive ความจุกระบอกสูบ 2,143 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 204 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,600-1,800 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 222 กม./ชม.


