วิจัยตลาดอี-คอมเมิร์ซ อาเซียนและจีน
โดย...วิมล ปั้นคง
โดย...วิมล ปั้นคง
การเปิดเสรีทางการค้าและการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่งผลให้อี-คอมเมิร์ซเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ ทำให้สถานประกอบการสามารถนำเสนอขายสินค้าผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างสะดวก เข้าถึงตลาดขนาดใหญ่และเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้รวดเร็วอย่างไร้พรมแดนและไร้ขีดจำกัดทั้งด้านเวลาและสถานที่
อี-คอมเมิร์ซจึงเป็นกลไกที่ช่วยส่งเสริมและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศ และช่วงชิงความรวดเร็วทางธุรกิจที่จะทำให้ได้เปรียบคู่แข่งมากขึ้น
ตลาดในประเทศอาเซียนเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะสร้างและขยายมูลค่าทางการค้าผ่านการดำเนินธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งมีผู้บริโภคเป็นจำนวนมากที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายสังคมออนไลน์ และพร้อมจะสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น
อันสะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มการเติบโตของมูลค่าทางการค้าผ่านอี-คอมเมิร์ซในภูมิภาคยังคงสดใสในระยะยาว โดยเฉพาะประเทศมาเลเซียและเวียดนาม ซึ่งผลักดันการพัฒนาตลาดอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-มาร์เก็ตเพลสมากขึ้นเป็นลำดับ และผู้บริโภคมีทัศนคติเชิงบวกต่อคุณภาพของสินค้าไทย
ตลาดอี-คอมเมิร์ซของจีนก็มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากมีอัตราการเติบโตของมูลค่าตลาดที่สูงและโดดเด่น โดยเติบโตเฉลี่ยสูงถึงกว่า 50% ในช่วงปี 2554-2557 และคาดว่าจะเติบโตอีกประมาณ 23% ในปี 2559 จนทำให้ตลาดอี-คอมเมิร์ซในปัจจุบันของจีนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ซึ่งในอนาคตอันใกล้จะสามารถมีศักยภาพเติบโตแซงหน้าเป็นตลาดอี-คอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้
นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและวัยทำงาน มีการศึกษา และมีกำลังซื้อสูง นำเข้าสินค้าผ่านธุรกรรมอี-คอมเมิร์ซที่ไทยมีศักยภาพสูง อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและอาหาร และเสื้อผ้า ผู้ประกอบการไทยจึงไม่ควรมองข้ามและพลาดโอกาสการเข้าถึงตลาด อี-คอมเมิร์ซของจีนด้วยเช่นกัน
ITD ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยในเรื่องการแสวงหาโอกาสด้านอี-คอมเมิร์ซระดับภูมิภาค รวมถึงงานวิจัยอื่น ทั้งการยกระดับความสามารถการแข่งขันของธุรกิจไทยให้โดดเด่นในอาเซียน การพัฒนาการลงทุนสู่ความยั่งยืนและพัฒนาการค้าเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และการวิเคราะห์ศักยภาพการค้าการลงทุนในกลุ่มประเทศ BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) โดยมีกำหนดจัดงานสัมมนาเผยแพร่ผลการศึกษาวิจัยดังกล่าวในวันที่ 1-2 และ 5-6 ก.ย. 2559
ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดลงทะเบียนได้ที่ www.itd.or.th


