posttoday

‘การ์ตูน’จากความฝันวัยเด็ก ปั้นโอกาสสร้างธุรกิจ

19 สิงหาคม 2559

โดย...ณัฏฐ์ธยาน์ สุทธิเจริญ

โดย...ณัฏฐ์ธยาน์ สุทธิเจริญ

ความฝันในวัยเด็กของทุกคนไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกลายมาเป็นอาชีพสำหรับอนาคต ด้วยความชื่นชอบในการ์ตูนและถือว่าเป็นหนึ่งในความฝันของ เจษฎาพงษ์ เจรียงประเสริฐ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย บริษัท โซโซ่ วัย 33 ปี ที่ไม่ยอมละทิ้งความชื่นชอบของตัวเองด้วยการเดินหน้าทำตามความฝัน ผลักดันและฝึกฝนทักษะในเรื่องต่างๆ

หลังจากเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 ปี และยังไม่ย่อท้อต่อความชื่นชอบจึงสานต่อความมุ่งมั่นด้วยการตัดสินใจไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Ritsumeikan Asia Pacific University เป็นเวลา 4 ปี เพื่อเรียนรู้และซึมซับวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากจุดเล็กๆ อย่างความชอบการ์ตูนทำให้กลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจในวันนี้

“หลังจากเรียนจบผมได้เข้าทำงานในสายทีวี ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นานกว่า 4 ปี และในปี 2554 ก็ได้จัดตั้งบริษัท อินโนเวชั่น ประเทศไทย สำหรับงานคอนเทนต์ของญี่ปุ่นและเป็นที่ปรึกษาให้กับร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังมากมายที่มาเปิดสาขาในไทย”

จากนั้นได้เข้าไปทำงานในองค์กรของญี่ปุ่น ด้านคอนซัลติ้งนานกว่า 4 ปี และค้นพบว่าอยากทำงานด้านที่เกี่ยวกับการ์ตูนมากกว่าเพราะมีความชื่นชอบด้านนี้ จึงสมัครเป็นโปรดิวเซอร์จัดงานด้านคอนเทนต์ของบีอีซีเทโร-ทรูวิชั่นส์ เพื่อจัดงานด้านคอนเทนต์ญี่ปุ่น ชื่องานว่า บางกอกคอมมิคคอน ที่จัดร่วมกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ในการนำกิจกรรมที่เกี่ยวกับญี่ปุ่นเข้าสู่ไทย และปัจจุบันได้เป็นผู้อำนวยการของประเทศไทยให้กับบริษัท โซโซ่ แบงคอก

หากมองในเรื่องของมูลค่าตลาดคอนเทนต์ด้านการ์ตูนอานิเมะ หรือ แอนิเมชั่นที่มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาทนั้น มีการใช้จ่ายสินค้าที่ถูกลิขสิทธิ์เพียง 1,500-2,000 ล้านบาทเท่านั้น ที่เหลือคือซื้อสินค้าแบบผิดลิขสิทธิ์ทั้งสิ้น ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ของผู้ให้บริการและนำเข้าคอนเทนต์ถูกลิขสิทธิ์ จึงมีการร่วมมือกันระหว่างผู้ประกอบการภาคเอกชนของญี่ปุ่นและภาครัฐของไทยอย่างกรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกันต่อต้านและกระตุ้นคนไทยไม่ให้ใช้ของปลอม ตั้งแต่เริ่มโครงการนี้ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาได้ผลตอบรับด้วยดี

นอกจากนี้ การสนับสนุนจากภาครัฐของประเทศญี่ปุ่นด้านการเผยแพร่วัฒนธรรมด้านคอนเทนต์ของญี่ปุ่นที่มีมูลค่ากว่า 1.7 แสนล้านเยน หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนที่ช่วยให้ผู้ผลิตและพัฒนา
คอนเทนต์มีแรงที่จะบุกตลาดทั่วโลก

“นอกจากกิจกรรมส่งเสริมการตลาดแล้ว ภาครัฐยังมีเงินทุนสำหรับพัฒนาคอนเทนต์ต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ผลิตสามารถสร้างผลงานและสานต่อกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสในตลาดต่างประเทศต่อไป”

การเข้ามาเจาะตลาดคอนเทนต์อย่างต่อเนื่องของบริษัทญี่ปุ่นนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากแบรนด์สินค้าต่างๆ ของไทย สนับสนุนเรื่องการแจกสินค้าญี่ปุ่นฟรีมานาน เช่น ซื้อสินค้าครบยอดที่กำหนดจะได้รับบัตรฟรีคอนเสิร์ต หรือลุ้นรับของรางวัลฟรี ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยมองว่ามีช่องทางที่จะได้รับของฟรีและดาวน์โหลดของผิดลิขสิทธิ์ได้เยอะ เมื่อมีคอนเทนต์ที่ต้องเสียเงินก็ไม่คิดอยากจะจ่ายรอของแจกหรือโหลดแบบผิดกฎหมายดีกว่า ทำให้ผู้ผลิตคอนเทนต์ที่ต้องลงทุนความคิดและเงินทุนมองว่าการเข้ามาทำตลาดในไทยไม่คุ้ม ทั้งที่ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก

“ทางผู้ผลิตและนักลงทุนพยายามหาจุดเด่นที่พิเศษมากๆ ของคอนเทนต์ญี่ปุ่นในการเข้ามาทำตลาดไทย เพื่อปลูกฝังให้เด็กรุ่นใหม่เลือกซื้อของที่ถูกลิขสิทธิ์ก่อนถึงจะได้สิทธิพิเศษและควรตระหนักว่าการซื้อสินค้าที่ถูกต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นสิ่งที่ควรปลูกฝังกันตั้งแต่เด็ก”

ทั้งนี้ การรวมตัวกันขององค์กรใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นที่เรียกว่า Japanese Manga Alliance 5 ราย คือ Animate, Kodakawa, Kodansha, Shurisha และ Shogakukan ที่ร่วมทุนกันกว่าหลักพันล้านบาท สำหรับเปิดหน้าร้านที่ห้างสรรพสินค้ามาบุญครองเพื่อซื้อขายคอนเทนต์ที่ถูกลิขสิทธิ์จากประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน คาแรกเตอร์เกม อานิเมะ ที่หาซื้อในช่องทางอื่นไม่ได้ ถือว่าเป็นการสนับสนุนการซื้อสินค้าที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์และเสียภาษีอย่างถูกต้องให้กับภาครัฐ

“จุดดึงดูดที่ผู้ผลิตคอนเทนต์ญี่ปุ่นรวมทั้งผู้จัดจำหน่ายเหล่านี้ พยายามสร้างกระแสคือ สร้างธีมที่น่าสนใจให้แก่ลูกค้าที่ชอบคอนเทนต์แนวแอนิเมชั่นในไทย ซึ่งผลตอบรับถือว่าเป็นไปได้ดี ในวันแรกของการเปิดร้านค้าแห่งนี้ มีลูกค้าที่สนใจเข้าไปดูสินค้ากว่า 1.2 หมื่นคน และทางร้านก็มีการอัพเดทสินค้าใหม่ๆ ทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกเบื่อและติดตามอย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ จุดแข็งหลักของประเทศญี่ปุ่นด้านวัฒนธรรมคือ อาหาร ท่องเที่ยวและคอนเทนต์ (ภาพยนตร์ การ์ตูน และแอนิเมชั่น) ซึ่งหากเปรียบเทียบกับฝั่งยุโรป ความนิยมในเรื่องของคอนเทนต์การ์ตูนและการคอสเพลย์นั้นคล้ายกับการ์ตูนดิสนีย์ที่คนทุกกลุ่มรู้จักมาตั้งแต่วัยเด็ก อีกทั้งยังมีธุรกิจต่างๆ ทำการตลาดร่วมกับคอนเทนต์การ์ตูนเหล่านี้ค่อนข้างเยอะ จนเรียกได้ว่าเป็นอีกช่องทางที่ช่วยสร้างรายได้ให้แก่แบรนด์ได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง

“กระแสการ์ตูนญี่ปุ่นในไทยยังคงโด่งดังมาก ไม่ว่าจะเป็น วันพีซ โดราเอมอน เซเลอร์มูน และอิคคิวซัง เพราะมีการนำกลับมาฉายซ้ำบ่อยๆ อีกทั้งเป็นคาแรกเตอร์ที่ไม่ได้เจาะกลุ่มเด็กเท่านั้น ทำให้คนที่ติดตามกว่า 60% นั้น เป็นผู้มีรายได้และอำนาจทางการใช้จ่ายได้มากกว่ากำลังซื้อกลุ่มอื่น”

การเปิดตัวบริษัท โซโซ่ ในประเทศไทย เพราะมองว่าคอนเทนต์การ์ตูนญี่ปุ่นถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่สร้างความสนใจและช่วยให้สินค้าสัญชาติญี่ปุ่นยังยืนหยัดอยู่ได้

“หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากในการจัดกิจกรรมอานิเมะที่ประเทศสิงคโปร์แค่ครั้งแรกมีผู้เข้าชมงานกว่า 2 หมื่นคน และปีต่อมาเพิ่มขึ้นเป็น 5 หมื่นคน ทำให้บริษัทตั้งเป้าที่จะขยายคอนเทนต์เข้าสู่ตลาดมาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย ต่อไป โดยมีเดนสึเข้ามาเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในการบุกตลาดเอเชียร่วมกัน”

เมื่อปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการจัดงานร่วมงานกับพาร์ตเนอร์ไปแล้ว พบว่าผลตอบรับออกมาดีมาก มีคนเข้าชมงานกว่า 7.5 หมื่นคน ทำให้การจัดงานอานิเมะ เฟสติวัล เอเชีย ไทยแลนด์ 2016 ในวันที่ 19-21 ส.ค. 2559 ครั้งนี้ เพื่อนำเสนอคอนเทนต์แอมิเมชั่นแบบพรีเมียมเองทั้งหมดในราคาบัตร 150, 390 และ 3,000 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ถูกลงกว่าเดิม เชื่อว่าจะมีทั้งคนไทยและต่างชาติเข้าร่วมงานและหวังจัดกิจกรรมแบบนี้ได้ต่อเนื่องทุกปี

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา