ลงทุนสายส่ง6แสนล้าน

กฟผ.เดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ ระบบสายส่งไฟฟ้าในระยะ10 ปี ลงทุน 6 แสนล้านบาท

นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.ยังเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าเพื่อขยายระบบส่งรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะเข้าระบบ ตลอดจนการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าทั่วประเทศที่เสื่อมสภาพตามอายุ ซึ่งในช่วงปี 2558-2568 จะใช้เงินลงทุนกว่า 6 แสนล้านบาท

“กฟผ.ให้ความสำคัญกับการดูแลระบบสายส่งไฟฟ้าเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการจ่ายไฟฟ้าหรือไฟฟ้าดับ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษาว่าไฟฟ้าดับที่เกิดขึ้นต่อหน่วยจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 80 บาท ดังนั้นในระยะยาวต้องมีการวางแผนการลงทุนให้ชัดเจนเพื่อรองรับความต้องการใช้ที่จะเพิ่มขึ้น” นายสหรัฐ  กล่าว

ด้าน นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ รองผู้ว่าการนโยบายและแผน กฟผ. กล่าวว่า เงินลงทุนที่จะนำมาใช้ในระบบสายส่งอยู่ระหว่างการพิจารณา เบื้องต้นจะใช้แหล่งเงินกู้ในประเทศ แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่องเพดานหนี้สาธารณะ ดังนั้นอาจเป็นไปได้ที่จะเลือกใช้วิธีการระดมทุนโดยใช้กลไกกองทุนสาธารณูปโภคนำโรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 2 มาใช้เป็นสินทรัพย์

สำหรับการสร้างระบบสายส่งไฟฟ้ารองรับโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ของกลุ่ม บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ กำลังการผลิต 5,000 เมกะวัตต์ นั้น เบื้องต้นจะใช้เงินลงทุนรวม 7,500 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐบาลจะอนุมัติให้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าอย่างไร แต่ถ้าจะให้สร้างโรงไฟฟ้าแห่งเดียวจะใช้เงินลงทุนสายส่งเพียง 600 ล้านบาท ซึ่งในทางปฏิบัติต้องนำเสนอโครงการระบบสายส่งเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด กฟผ. และควรจะได้รับการพิจารณาต้นปี 2560 เพื่อที่จะมีระยะเวลาในการก่อสร้างให้ทันกับโรงไฟฟ้าแห่งแรกที่จะเข้าระบบในปี 2564

ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีมีทั้งหมด 16 โครงการ งบประมาณ 3.45 แสนล้านบาท ได้แก่ โครงการพัฒนาระบบสายส่งไฟฟ้าเพื่อสนองความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 3 โครงการ เงินลงทุน 8.12 หมื่นล้านบาท โครงการพัฒนาระบบสายส่งไฟฟ้าเพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า 6 โครงการ เงินลงทุน 1.81 แสนล้านบาท โครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพ 3 โครงการ เงินลงทุนรวม 3.55 หมื่นล้านบาท และ โครงการพัฒนาระบบสายส่งไฟฟ้าเพื่อรองรับการเชื่อมต่อโรงไฟฟ้า 4 โครงการ เงินลงทุนรวม 4.63 หมื่นล้านบาท