หมอน "Luxury" แบรนด์คิดนอกกรอบสู่ผู้นำตลาดไทย
จากพนักงานบริษัท ที่มีชีวิตติดลบ ผ่านหลายวิกฤต แต่กลับสร้างโอกาสใหม่ สู่ธุรกิจ “หมอน” พร้อมเปิดตำนานธุรกิจใหม่ในประเทศไทย
โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน
จากพนักงานบริษัท ที่มีชีวิตติดลบ ผ่านหลายวิกฤต แต่กลับสร้างโอกาสใหม่ สู่ธุรกิจ “หมอน” พร้อมเปิดตำนานธุรกิจใหม่ในประเทศไทยกับ “ผู้ชายขายหมอน” ที่สร้างแบรนด์ หมอนโรงแรมระดับ 6 ดาว แบรนด์ ลักชัวรี่ (Luxury) ให้อยู่ในใจลูกค้า และสร้างยอดขายทะลุ 200 ล้านบาทแล้ว
“คมศานต์ จิวากานนท์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีลักซ์ โฮเทล ซัพพลาย ผู้ผลิตและทำตลาดหมอนโรงแรมระดับ 6 ดาว แบรนด์ ลักชัวรี่ (Luxury) เปิดเผยว่า แบรนด์หมอนระดับบนได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมาประมาณ 5 ปีแล้ว แคาดว่าในปี 2559 จะสร้างยอดขายได้มากกว่า 230 ล้านบาท และที่ผ่านมามียอดขายในไทยไม่ต่ำกว่า 1 ล้านใบ โดยแบรนด์สามารถสร้างยอดขายเติบโตได้ดีต่อเนื่อง สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงเป็นหมอนที่ลูกค้าชื่นชอบ
สิ่งสำคัญที่ทำให้แบรนด์สร้างยอดขายเติบโตได้ดีมาจาก การสร้างนวัตกรรมให้แก่ หมอนไทยคือ การใช้เส้นใยไมโครคลิ้ม ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ไม่มีมาก่อนในประเทศไทย ซึ่งบริษัทได้มีการจดเครื่องหมายการค้าของเส้นใยนี้ไว้แล้ว โดยได้รับเทคโนโลยีการพัฒนามาจากประเทศญี่ปุ่น โดยไมโครคิ้ม จะให้เส้นใยนุ่ม มีความละเอียดมาก รวมถึงทำให้เมื่อนำมาผลิตเป็นหมอน สามารถนำไปซักได้ เป็นรายแรกในประเทศไทย
ขณะเดียวกันบริษัทได้มีการรับประกันให้แก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปแล้ว สามารถเปลี่ยนสินค้าได้หากเกิดปัญหา และมีบริการหลังการขายที่ดี เป็นจุดแข็งที่ทำให้ลูกค้ามีความชื่นชอบ รวมถึงลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าซ้ำ และเกิดการบอกปากต่อปาก ทำให้มีลูกค้ามาซื้อสินค้าต่อเนื่อง โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มระดับบน ที่มีกำลังซื้อ โดยราคาสินค้าหมอน มีตั้งแต่ราคา 490 บาทที่เป็นหมอนเด็ก จนถึงราคา 7,990 บาท
อีกทั้งแบรนด์ไม่ได้หยุดนิ่ง ที่จะสร้างสิ่งใหม่ โดยอยู่ระหว่างร่วมมือกับหน่วยงานวิจัยในประเทศ เพื่อพัฒนาเส้นใยกันไรฝุ่น เป็นรายแรกในประเทศไทย พร้อมกับสามารถกำหนดได้ว่าจะเป็นหมอนที่กันไรฝุ่นได้ในเวลากี่ปี ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่น รวมถึงมีหน่วยงานภาครัฐให้การรับประกันในเรื่องนี้ ซึ่งนโยบายของบริษัทได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนและวิจัย พัฒนาสินค้าในระดับสูง ซึ่งบริษัทมีโรงงานที่ผลิตสินค้าอยู่ที่ พุทธมณฑล จ.นครปฐม
“ผมไม่มีวันหยุดนิ่ง พัฒนาสินค้าต่อเนื่อง มีความกล้าที่จะตัดสินใจลงทุน ผมคิดว่าแบรนด์เราเปรียบเสมือนหมอ ที่ทำสินค้าตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และปัญหาของลูกค้าต่างๆ นำมารับฟัง เพื่อสร้างสินค้าที่ดีแก่ลูกค้า”คมศานต์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ไม่มีผลกระทบต่อแบรนด์ เพราะบริษัทมีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งการไปออกงานแสดงสินค้าในประเทศ ที่เน้นจัดบูธให้มีขนาดใหญ่เพื่อให้ลูกค้าเห็นชัดเจน การออกไปบูธในพื้นที่ต่างๆทุกวันเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ ทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้มากที่สุด รวมถึงมีช่องทางจำหน่ายสินค้าที่แข็งแกร่ง คือร้าน “ซูรูฮะ” ที่ติดอันดับหนึ่งในห้าสินค้าที่ขายดีในร้าน รวมถึงยังมีแบรนด์อื่นติดต่อให้บริษัทผลิตสินค้าให้
ส่วนปีต่อไป 2560 บริษัทมีแผนจะขยายกลุ่มสินค้าให้ครอบคลุมเครื่องนอนกลุ่มใหม่ๆมากขึ้น พร้อมกับสนใจเปิดช้อปทางการในคอมมูนิตี้มอลล์ จำนวน 10 แห่ง รวมถึงศึกษาแผนเปิดสาขาในศูนย์การค้าใจกลางเมือง รวมทั้งเจาะตลาดลูกค้าโรงแรมและกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาลมากขึ้น พร้อมกับจะเพิ่มการไปออกงานแสดงสินค้าต่างๆ ตั้งเป้าหมายยอดขายในปีหน้าไว้ที่ 400-500 ล้านบาท
“คมศานต์” กล่าวต่อว่า ความสำเร็จของแบรนด์ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มาจากการ่วมมือกันของทีมงานในบริษัท และการมีบุคลากรที่มีความสามารถ และการทำให้ทุกคนในองค์กรที่เปรียบเสมือนครอบครัว มีความสุขในการทำงาน เพราะนี้คือเป้าหมายที่สำคัญของบริษัท ที่ผมอยากให้ทุกคนมีความสุขจากการทำงานที่นี้
“ผมเริ่มต้นธุรกิจจากชีวิตที่ติดลบ ถูกออกจากงาน ต่อมามีเพื่อนแนะนำให้ไปขายหมอน ก็เริ่มขายต่อเนื่อง มา 2 เดือน คลุกคลีกับลูกค้าและจากการพูดคุยลูกค้าต่างบอกว่า อยากได้หมอนที่เป็นแบบโรงแรม แต่หาซื้อไม่ได้ เป็นจุดเริ่มต้น ให้ผมตัดสินใจสร้างแบรนด์หมอนของตัวเอง ด้วยเงินทุนเริ่มต้น 8 หมื่นบาท เพื่อขายหมอนโรงแรมระดับ 6 ดาว ที่ไม่มีขายในประเทศ เปิดขายแห่งแรกในคอมมูนี้ มอลล์ ปรากฎว่าขายได้ดี ลูกค้าชอบ จึงส่งผลให้แบรนด์เติบโตต่อเนื่อง”คมศานต์ กล่าว
เป้าหมายของแบรนด์ในระยะยาว สร้างแบรนด์ให้เติบโตมากขึ้น และทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ต่อเนื่อง พร้อมกับทำให้ลูกค้ามีความผูกผันกับแบรนด์ และสร้าง Luxury ให้เติบโตเป็นผู้นำในตลาดหมอนและในประเทศไทยต่อไป


