‘ก้องศักดิ์’รุ่น3เดอะวิจิตรฯ ปั้นโรงแรมใหม่ในภูเก็ต

การทำธุรกิจโรงแรมในยุคนี้มีจำนวนคู่แข่งสูงมากไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ไหน ต่างจากในอดีตที่โรงแรมยังเกิดขึ้นไม่มาก หากผู้ประกอบการรุ่นแรกที่สร้างโรงแรมไว้ขาดทายาทธุรกิจที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ พร้อมจะมาดูแลโรงแรมต่อ ก็มักต้องเลือกนำโรงแรมไปให้เครือโรงแรมระดับนานาชาติบริหารแทน ไม่เช่นนั้นอาจต้องขายโรงแรมไปเลย แต่คงเป็นโชคดีสำหรับเดอะ วิจิตร รีสอร์ท ภูเก็ต ที่มาถึงวันนี้ได้ เพราะมีทายาทพร้อมสานต่อธุรกิจโรงแรม

ก้องศักดิ์ คู่พงศกร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เดอะ วิจิตร รีสอร์ท ภูเก็ต เปิดเผยว่า ครอบครัวทำธุรกิจขายของชำอยู่ในตลาดมาก่อน จากนั้นก็ไปทำพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นบ้านจัดสรร
โครงการเล็กๆ จนในที่สุดก็เข้าสู่ธุรกิจโรงแรม โดยคุณพ่อเป็นผู้สร้าง วิจิตร บังกะโล เป็นที่พักระดับ 3 ดาว ตั้งอยู่บนพื้นที่ 44 ไร่ ที่หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต สาเหตุที่ใช้ชื่อนี้ เพราะวิจิตรเป็นชื่อของคุณปู่

สมัยคุณพ่อสร้างบังกะโล ไม่ได้วางแผนแม่บทสำหรับรองรับการปรับปรุงโรงแรมในอนาคตเอาไว้เลย ดังนั้นเมื่อก้องศักดิ์เรียนจบกลับมาช่วยดูแลธุรกิจโรงแรมต่อได้ 3 ปี เวลานั้นวิจิตร บังกะโล มีอายุครบ 20 ปีแล้วจึงตัดสินใจทุบบังกะโลเดิมทั้งหมดแล้วลงทุนสร้างใหม่เป็นเดอะ วิจิตร รีสอร์ท ภูเก็ต ด้วยงบลงทุน 600 ล้านบาท ทำเป็นวิลล่าระดับ 5 ดาว 92 หลัง ซึ่งมาถึงปัจจุบันก็รวมเวลาดำเนินการเดอะ วิจิตร รีสอร์ท ภูเก็ตได้ 8 ปีแล้ว

ช่วงที่ตัดสินใจเปลี่ยนจากบังกะโลมาเป็นวิลล่า เพราะมองว่าในช่วงนั้นที่พักประเภทวิลล่ายังมีน้อย ขณะที่แนวโน้มนักท่องเที่ยวอยากพักวิลล่ามีมาก ซึ่งวิลล่าที่มีในตลาดก็จะเป็นระดับหรูมากๆ ราคาคืนละ 5 หมื่น-1 แสนบาทไปเลย ดังนั้นจึงมองเป็นโอกาสในการลงทุนสร้างวิลล่าระดับหรูที่ราคาไม่แพงมากเกินไป เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสเข้าถึงได้มากขึ้น ซึ่งก็กระแสตอบรับดีต่อเนื่องหลังเปิดดำเนินการมา

ก้องศักดิ์ กล่าวว่า บังกะโลในมุมมองของคนไทยนั้นอาจไม่ได้มองเป็นที่พักระดับหรู แต่ในต่างประเทศ บางพื้นที่ก็จะมองบังกะโลเป็นที่พักระดับหรู เพียงแต่เมื่อเติมเรื่องการออกแบบตกแต่งและเพิ่มเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไปมากกว่าเดิมก็จะกลายเป็นวิลล่า ซึ่งการบริหารจัดการบังกะโลหรือวิลล่านั้นไม่ได้แตกต่างกัน

สำหรับราคาที่พัก ปัจจุบันหากเป็นวิลล่าขนาดเล็ก 70 ตารางเมตร ช่วงไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) ประมาณ 4,500 บาท/คืน ส่วนช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ราคาอยู่ในระดับ 6,500 บาท/คืน แต่หากเป็นไพรเวท พูลวิลล่า ช่วงโลว์ซีซั่น ประมาณ 1 หมื่นบาท/คืน และไฮซีซั่น 1.5 หมื่นบาท/คืน โดยในช่วงไฮซีซั่นลูกค้ายุโรปหนีหนาวเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่มาใช้บริการเหนียวแน่น พอเข้าช่วงโลว์ซีซั่นก็จะมีตลาดนักท่องเที่ยวออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีนเข้ามาทดแทน

อย่างไรก็ตาม โซนหาดราไวย์นั้นถือเป็นทำเลที่พักอาศัยเสียมากกว่า เป็นโซนที่มีจุดเด่นเรื่องธรรมชาติ มีหมู่บ้านชาวประมงอยู่ แม้คู่แข่งที่เป็นโรงแรมในย่านนี้มีไม่มาก แต่อัตราเข้าพักก็ไม่ได้หวือหวาเหมือนกับโรงแรมที่อยู่ในโซนหาดป่าตอง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะมาพักย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนเกษียณอายุที่ต้องการมาพักผ่อน อัตราเข้าพักของเดอะ วิจิตร รีสอร์ท ภูเก็ต เฉลี่ยทั้งปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 65% ถือว่าดีสำหรับโซนนี้ และมองไว้ว่าจะรักษาอัตราเข้าพักปีนี้ให้ยังคงอยู่ในระดับนี้เช่นกัน แต่หากเป็นที่พักในโซนหาดป่าตอง อัตราเข้าพักอาจจะวิ่งในระดับ 80-90%

“หาดทรายที่มีคุณภาพจะอยู่ทางฝั่งตะวันตก เช่น หาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน แต่ถ้าเป็นฝั่งตะวันออก หาดทรายจะไม่สวยเท่าฝั่งตะวันตก เพราะเป็นหาดทรายที่มีโคลนเลน จึงมีความน่าสนใจดึงดูดไม่มากเท่าฝั่งตะวันตก อย่างไรก็ตามเนื่องจากแถบฝั่งตะวันตกมีนักท่องเที่ยวเข้าไปมาก ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวระดับหรูที่ต้องการความสงบ เริ่มออกจากป่าตอง แล้วมาพักตามย่านหาดราไวย์ หาดกมลา หาดสุรินทร์ หรือไปที่เกาะสิเหร่มากขึ้น”

ก้องศักดิ์ กล่าวว่า เหตุผลที่ยังบริหารเดอะ วิจิตร รีสอร์ท ภูเก็ตเอง แทนที่จะนำไปให้เครือโรงแรมที่เชี่ยวชาญบริหารให้นั้น ก็เป็นเพราะมองว่าโดยส่วนตัวมีความผูกพันอยู่กับธุรกิจมานานนับเพราะธุรกิจโรงแรมที่ทำก็มีอายุมากกว่า 20 ปีแล้ว จึงมั่นใจว่าจะดูแลโรงแรมเองได้ เพราะเรามีใจรักบริการ อยากทำเรื่องการบริการให้ดี เพราะอยากสร้างแบรนด์ดีๆ ที่เป็นของคนท้องถิ่นในภูเก็ตให้เป็นที่รู้จัก

ทั้งนี้ก็ไม่ได้ปิดกั้นโอกาสหากมีเครือโรงแรมใดสนใจจะเข้ามาพูดคุยเรื่องการรับจ้างบริหาร หากมั่นใจว่าสามารถบริหารโรงแรมให้แล้วดีกว่าก็พร้อมจะพูดคุยด้วย

ปัจจุบันยังมีที่ดินเปล่าอยู่อีก 2 แปลงใน จ.ภูเก็ต อยู่บริเวณลากูน่า ภูเก็ต ซึ่งก็มีแนวคิดว่าอาจนำมาสร้างโรงแรมใหม่ในอนาคต เป็นโรงแรมระดับหรู เพราะมองว่าทำเลลากูน่าเป็นที่พักที่เหมาะกับกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับหรู และหากสร้างโรงแรมใหม่ก็คงจะใช้ชื่อที่มีคำว่า “วิจิตร” เช่นกัน เพราะชื่อนี้นอกจากเป็นชื่อของคุณปู่ ผู้เป็นรากฐานของตระกูลแล้วยังมีความหมายดีสะท้อนถึงสถาปัตยกรรมอันสวยงามวิจิตรตระการตาด้วย

ด้านแนวทางการลงทุนนั้น ประเมินไว้ว่าการลงทุนบนที่ดินทั้ง 2 แปลง น่าจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท/แปลง ซึ่งก็พิจารณาการลงทุนทั้งในรูปแบบกู้ยืมสถาบันการเงินส่วนหนึ่งมาทำเอง รวมทั้งการหาพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุนด้วยกัน

ก้องศักดิ์ กล่าวว่า จุดยืนในการทำธุรกิจโรงแรมที่มีก็คือ ขอเป็นผู้ประกอบการโรงแรมระดับกลางๆ ไม่ต้องขยายจนเป็นเครือโรงแรมใหญ่ๆ ในอนาคต หรือเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการท่องเที่ยว เพราะมองว่าเราเป็นเพียงครอบครัวขนาดเล็กๆ ไม่ได้มีเป้าหมายในการทำธุรกิจเพื่อนำเข้าระดมทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แต่สิ่งสำคัญคือต้องการทำเดอะ วิจิตร รีสอร์ท ภูเก็ต เพราะอยากให้สิ่งที่ดีที่สุด เสมือนที่นี่เป็นบ้าน เสมือนลูกค้าที่มาพักก็เป็นคนในครอบครัวของเรา

นอกจากนี้ยังทิ้งท้ายแนวคิดกับคนรุ่นใหม่หลายคนที่อยากหันหน้าเข้ามาสู่ธุรกิจโรงแรมว่า การบริหารโรงแรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คนที่บริหารต้องมีใจรักในธุรกิจบริการด้วย ดังนั้นหากคิดจะลงทุนทำโรงแรม ควรเลือกให้ดีตั้งแต่แรกว่าควรจะเป็นเพียงนักลงทุนแล้วจ้างเครือโรงแรมที่เป็นมืออาชีพเข้ามาบริหารโรงแรมให้ หรือจะเป็นเจ้าของโรงแรมที่บริหารโรงแรมเองด้วย

หากจะเป็นเจ้าของโรงแรมที่บริหารโรงแรมเองต้องรู้ไว้ว่า ใน 24 ชั่วโมงเราจะต้องใช้ชีวิตกับการบริหารโรงแรมตลอด ซึ่งสมัยนี้การบริหารโรงแรมไม่ได้ง่ายแบบ 20 ปีก่อนที่สร้างที่พักอะไรมาก็มีลูกค้าเข้าพักเต็ม เพราะการแข่งขันสูงขึ้นมาก โรงแรมใหม่ๆ มีเกิดขึ้นตลอดเวลา เมื่อใดก็ตามที่เราไม่พัฒนา ก็หมายความว่าเรากำลังถอยหลังแล้วเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

นับได้ว่าเป็นผู้สืบทอดธุรกิจโรงแรมที่เน้นการบริหารแบบพอเพียง ไม่โตเร็วเกินไป แต่โตแบบมีคุณภาพซึ่งก็ดีต่อการท่องเที่ยวในภาพรวมด้วย เพราะเมื่อทำที่พักที่มีคุณภาพ ก็จะดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ใช้จ่ายสูงมาได้