‘เล้งเส็ง กรุ๊ป’ ค้าปลีกพันธุ์ใหม่
โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน
โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน
สายพันธุ์ใหม่ของธุรกิจกับ “เล้งเส็ง” ที่เริ่มสร้างธุรกิจจากร้านค้าขนาดเล็ก สู่องค์กรขนาดใหญ่ เป็นตัวแทนกระจายสินค้าและธุรกิจค้าส่งรายใหญ่ ใช้เวลาร่วม 59 ปี สร้างรายได้ธุรกิจสู่ระดับพันล้านบาท โดยมีรูปแบบธุรกิจ (โมเดล) ที่ไม่เหมือนใคร แต่สามารถครองใจคู่ค้าในพื้นที่มากมาย
“สมหวัง เดชศิริอุดม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เล้งเส็ง กรุ๊ป ผู้ประกอบธุรกิจผู้ค้าส่งและตัวแทนกระจายสินค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครอบคลุม 8 จังหวัด ภายใต้ชื่อ “เล้งเส็ง” เปิดเผยว่า บริษัทเริ่มต้นจากร้านค้าโชห่วยขนาดเล็กใน จ.สกลนคร ตั้งแต่ปี 2500 โดยปัจจุบันบริษัทเป็นตัวแทนกระจายสินค้าและเป็นผู้ค้าส่ง ที่มีร้านค้าต่างๆ ที่สั่งซื้อสินค้าของเล้งเส็งรวมประมาณ 3,000 ร้านค้า ครอบคลุมพื้นที่รวม 8 จังหวัด และบริษัทมีรถกระจายสินค้ารวม 80 คัน
ธุรกิจเริ่มต้นจากยุคแรก อากงมุ่งขายสินค้าทั่วไป จนถึงรุ่นสอง คุณพ่อเริ่มนำสินค้าไปส่งให้แก่ลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ ต่อมาความต้องการซื้อสินค้ามีมากขึ้น จึงนำคอมพิวเตอร์มาจัดการสินค้า พร้อมแบ่งกลุ่มลูกค้ารายใหญ่และรายย่อย ธุรกิจขยายมากขึ้น ต่อมาปี 2549 เป็นจุดเปลี่ยนธุรกิจ เพราะมีห้างค้าปลีกเข้ามาในพื้นที่ “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” จึงได้มีโครงการเข้ามาทำงานร่วมกัน
บริษัทจึงปรับรูปแบบธุรกิจใหม่สู่การสร้างเครือข่ายร้านค้าต่างๆ ที่มีอยู่ 3,000 ร้านค้าอย่างใกล้ชิด จากเดิมที่เป็นเพียงยี่ปั้ว ได้ปรับเพิ่มเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าบางยี่ห้อ มีการทำงานกับร้านค้าเครือข่าย ทั้งแนะนำให้ร้านมีการจัดร้าน บริหารสต๊อก การบริหารร้าน ส่งผลให้คู่ค้าบริหารร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น ลดต้นทุน และเป็นเครือข่ายธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง
ปัจจุบันร้านได้มีการจัดกลุ่มลูกค้าแบ่งเป็น 8 กลุ่ม ทั้งแบบค้าปลีกสมัยใหม่ ค้าส่งแบบดั้งเดิม และผ่านฟู้ดเซอร์วิส เพื่อจัดประเภทสินค้าเพื่อให้ลูกค้าแต่ละกลุ่มได้เหมาะสม และส่งสินค้าได้รวดเร็ว เพราะลูกค้าแต่ละกลุ่มก็มีความชื่นชอบแตกต่างกัน อีกทั้งบริษัทมีทีมงานเข้าไปดูแลร้านค้าอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ บริษัทจึงสร้างโมเดลธุรกิจที่แตกต่างจากยี่ปั้ว อีกทั้งมีสินค้าหลายยี่ห้อ นำสินค้ามาเสนอ เพื่อให้บริษัทเป็นตัวแทนนำไปทดลองทำตลาดกับร้านค้าต่างๆ ก่อนนำไปวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทำให้สามารถรู้ได้ว่าสินค้าเหมาะกับร้านค้าใดที่สุด
อีกจุดแข็งสำคัญคือ มีระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง จึงกระจายสินค้าให้แก่ลูกค้าในแต่ละพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว โดยขณะนี้ลูกค้าภาคอีสานต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ ส่วนสินค้าที่ต้องการมีทั้งสินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าเพื่อความงาม และสินค้าสำหรับแม่และเด็ก
นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้สินค้าท้องถิ่น และเอสเอ็มอี รวมถึงโอท็อป เข้ามาทำตลาดและกระจายสินค้าผ่านเล้งเส็งได้ ซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เข้าใจตลาดในแต่ละพื้นที่มากขึ้น ส่วนผลการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาสร้างรายได้กว่า 1,500 ล้านบาท ผ่านการมีบริษัทในเครือรวม 6 บริษัท
“สมหวัง” กล่าวต่อว่า บริษัทกำลังทำแผนธุรกิจให้ได้มาตรฐาน รองรับการนำโมเดลของบริษัทไปขยายในจังหวัดอื่นต่อไป ซึ่งโมเดลธุรกิจของบริษัทถือเป็นพันธุ์ผสมของธุรกิจแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใคร เชื่อมั่นว่าธุรกิจจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว


