posttoday

‘พลอยกาญจน์ โพธิพิมพานนท์’ สานต่อเบนซ์ทองหล่อครองใจลูกค้า

27 พฤษภาคม 2559

โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

หากให้นึกภาพผู้บริหารในวงการรถยนต์ ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นผู้ชาย มีน้อยมากที่จะเป็นผู้บริหารหญิง เนื่องจากธุรกิจรถยนต์มีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเครื่องจักรกลที่ผู้หญิงจำนวนมากอาจไม่ถนัดในด้านนี้ แต่สำหรับทายาทของกลุ่มเบนซ์ ทองหล่อ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ อย่างเป็นทางการรายใหญ่ในไทยแล้ว แม้จะเป็นผู้หญิงก็ไม่หวั่นกับการก้าวเข้ามานั่งบริหารธุรกิจนี้

พลอยกาญจน์ โพธิพิมพานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มทองหล่อ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ อย่างเป็นทางการ และเจ้าของ บริษัท แบงคอก ลีมูซีน ผู้ให้บริการรถลีมูซีนที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งรถเบนซ์ และลอนดอน แท็กซี่ เปิดเผยว่า เริ่มเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจกลุ่มทองหล่อ หรือที่ใครๆ ก็รู้จักกันในชื่อเบนซ์ทองหล่อ เมื่อ 6-7 ปีก่อน ซึ่งเป็นการเข้ามาดูแลธุรกิจของครอบครัวทันทีหลังจากที่เรียนจบ

ก่อนจะเข้ามาดูแลธุรกิจ ยอมรับว่ามีความรู้เกี่ยวกับตลาดรถยนต์บ้างแต่ไม่ได้ลึกซึ้ง ดังนั้นช่วงแรกที่เข้ามาดูแลธุรกิจจึงต้องเริ่มจากการไปทำความรู้จักกับงานในทุกๆ แผนก ทุกขั้นตอนของการทำงาน เพราะหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจก็คือ เราต้องรู้จักทั้งหมดเกี่ยวกับธุรกิจก่อน แม้แต่ในขั้นตอนการให้บริการลูกค้าก็ต้องเข้าไปดูด้วยตัวเอง ซึ่งตลอดเวลาที่เข้ามาดูแลธุรกิจครอบครัว ก็ผ่านทั้งช่วงเวลาที่ยากและช่วงที่ง่ายมาแล้ว ซึ่งความยากและง่ายของธุรกิจก็เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจปีนั้นๆ โดยในปีนี้ก็ถือว่าเป็นปีที่ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่สำหรับธุรกิจรถยนต์

ทั้งนี้ แม้ว่าคนมีกำลังซื้อ แต่ว่าปัจจัยแวดล้อมในประเทศ เช่น หุ้นที่ขึ้นๆ ลงๆ หรือเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวก็ทำให้คนมีเงินอยากเก็บเงินไว้ก่อนสักพัก แทนที่จะซื้อรถ ดังนั้นการแข่งขันเพื่อทำให้คนตัดสินใจซื้อรถกับบริษัทจึงเป็นเรื่องท้าทายมาก เพราะหากไปหาตัวแทนจำหน่ายรถเบนซ์ที่ไหนก็ได้โปรโมชั่นที่ไม่ได้แตกต่างกันมาก ซื้อที่ไหนก็ได้ ดังนั้นกลยุทธ์สำคัญที่บริษัทต้องทำ คือ หาจุดเด่นที่แตกต่างที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าจะต้องมาซื้อกับบริษัท

คำตอบที่ได้ก็คือจุดเด่นของเบนซ์ทองหล่อ อยู่ที่ความเก่าแก่ อยู่ในตลาดมานาน ทำให้ลูกค้าไว้วางใจ ประกอบกับที่ผ่านมาได้ทำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้คนรู้สึกดีกับชื่อเบนซ์ทองหล่อ และทำให้บริษัทอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ และสิ่งที่จะเพิ่มเติมทำให้เบนซ์ทองหล่อมีความโดดเด่นมากขึ้น ก็คือการให้ความสำคัญด้านการบริการ

ขณะเดียวกันก็เตรียมปรับปรุงโฉมโชว์รูมที่มีอยู่ ทั้งสาขาทองหล่อ และรามอินทรา ให้มีภาพลักษณ์ทันสมัยมากขึ้น เพื่อดึงดูดลูกค้ารุ่นใหม่ได้ดีขึ้น เนื่องจากคนในยุคนี้ไม่อยากไปนั่งซื้อรถในโชว์รูมที่ไม่สวยงาม คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะได้เห็นโฉมใหม่ของทั้งสองสาขาแน่นอน

“สาขารามอินทรา จะเป็นการไปลงทุนสร้างโชว์รูมบนพื้นที่ใหม่ฝั่งตรงข้ามโชว์รูมเดิม ขณะนี้อยู่ระหว่างประมูลหาผู้รับเหมามาดำเนินการ ส่วนที่ทองหล่อ จะเป็นการทยอยปิดพื้นที่เพื่อปรับปรุงทีละส่วนจนครบทั้งหมด ดังนั้นช่วงปรับปรุงโชว์รูมคงไม่กระทบกับการขายของสาขารามอินทรา เพราะเป็นการไปสร้างในพื้นที่ใหม่ แต่พื้นที่เก่าก็ยังขายได้อยู่จนกว่าจะย้ายโชว์รูม ส่วนที่ทองหล่อคงกระทบการขายบ้าง เนื่องจากต้องทยอยปิดพื้นที่ทีละส่วนทำให้ลูกค้าไม่ได้รับความสะดวกบ้าง”

พลอยกาญจน์ กล่าวว่า ปีที่ผ่านมายอดขายอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท มาจากโชว์รูมที่ทองหล่อ 900 ล้านบาท และโชว์รูมรามอินทรา 400 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งเป็นเป้าหมายระดับเดียวกับที่ตั้งในทุกปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์หรูปีนี้ หากเป็นในแง่จำนวนคันที่ขายได้ไม่น่ากังวล คงจะทำได้ตามเป้าหมายอยู่ แต่ถ้าเป็นในแง่ยอดขาย คงต้องเผชิญกับการแข่งขันราคาที่รุนแรง ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร

อย่างไรก็ตาม มองว่าในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ หากประคองยอดขายรถยนต์ไว้ได้ผ่านพ้นช่วงนี้ก็ถือว่าดีแล้ว ดังนั้นจึงต้องมาให้ความสำคัญกับเรื่องการบริการหลังการขายมากขึ้น

ด้านรถเบนซ์ที่ขายดีในปีนี้ คาดว่าจะเป็นปีของอี-คลาส เนื่องจากเพิ่งเปิดตัวรุ่นใหม่ โฉมใหม่ไป ขณะเดียวกันการจำหน่ายอุปกรณ์เสริมในรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยก็คงจะเป็นอีกตัวชูโรงของเบนซ์ในปีนี้

ขณะที่แผนด้านการขยายสาขาเพิ่มเติมนอกจากทองหล่อ และรามอินทรา คงยังไม่มี เพราะในอดีตเบนซ์ทองหล่อก็เคยมีสาขามากกว่านี้แต่ก็ได้ทยอยปิดไปหลายสาขาแล้ว จนเหลือแค่ 2 สาขาเท่านั้น เนื่องจากมองว่า การมี 2 สาขาสามารถดูแลธุรกิจได้ทั่วถึงมากกว่าการมีสาขามากๆ อาจจะสวนทางกับผู้ประกอบการบางรายที่ต้องการขยายสาขาออกไปมากๆ แต่ก็ถือว่าเบนซ์ทองหล่อผ่านจุดนั้นมาหมดแล้ว

พลอยกาญจน์ กล่าวว่า แนวทางการเข้ามารับช่วงบริหารงานเบนซ์ทองหล่อนั้น หลักๆ ก็เป็นการสานต่อหลักการที่คุณพ่อ คุณแม่ทำไว้ โดยคุณพ่อจะเน้นเรื่องการทำตลาด ส่วนคุณแม่ เน้นเรื่องการลงทุนพัฒนาบุคลากรของบริษัท ดังนั้นก็จะนำทั้งสองหลักการนี้มาใช้เดินคู่กัน ในส่วนของธุรกิจรถลีมูซีน ที่สนามบินสุวรรณภูมินั้น ได้เปิดให้บริการมา 10 ปีแรก ซึ่งในช่วงแรกที่ทำตลาดถือว่ายากมาก แต่จนถึงวันนี้ได้ผ่านการลองผิดลองถูกมาหลายรูปแบบ จนปัจจุบันอยู่ตัวแล้ว

“เวลาที่ทำงานมาแล้วเจอกับปัญหา วิธีรับมืออันดับแรกก็คือ ตั้งสติก่อนเลย ที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อบริหารงานเป็นหลักก็จะมีการจัดกิจกรรมปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นก็มีโอกาสได้ไปปฏิบัติธรรมตั้งแต่เด็กๆ จึงสามารถนำเอาความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติธรรมมาประยุกต์ใช้กับการใช้ชีวิตประจำวันในทุกเรื่องได้”

พลอยกาญจน์ ให้ข้อคิดในการสานต่อธุรกิจครอบครัวว่า การสานต่อธุรกิจจะต้องเจอเรื่องความขัดแย้งอยู่แล้ว เพราะแต่ละรุ่นแต่ละวัยเจอสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน ก็จะมีแนวคิดแตกต่างกันไป ดังนั้นก็ต้องใช้เวลาช่วงแรกๆ ในการปรับตัวเข้าหากัน ซึ่งส่วนตัวแล้วเป็นลูกสาวคนเดียว ในช่วงแรกที่เข้ามาช่วยดูแลธุรกิจ คุณพ่อก็อาจไม่ฟังในบางอย่างที่เรานำเสนอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณพ่อก็จะค่อยๆ รับฟังมากขึ้น

เมื่อเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ก็เป็นความท้าทายของผู้ประกอบการทุกรายที่จะฝ่าฟันดันยอดขายผ่านภาวะนี้ไปให้ได้ เชื่อว่า พลอยกาญจน์ก็น่าจะพาเบนซ์ทองหล่อผ่านปีนี้ไปได้ไม่ยากเย็นเท่าไหร่ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านทั้งช่วงยากและง่ายของการบริหารงานมาแล้วตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี