posttoday

ความแตกต่างที่ควรสังเกต

25 พฤษภาคม 2559

โดย...ปริย เตชะมวลไววิทย์

โดย...ปริย เตชะมวลไววิทย์

กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund : MMF) และกองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไปที่เปิดให้ผู้ลงทุน ซื้อหรือขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ (Daily Fixed Income : Daily FI) ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าจะเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้เหมือนกัน ที่ดูเผินๆ อาจคล้ายกันมาก แต่จริงๆ แล้วสองกองทุนนี้แตกต่างกัน และเหมาะกับผู้ลงทุนที่ต่างกันครับ

MMF เป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ถูกควบคุมด้วยเกณฑ์เฉพาะที่กำหนดให้กองทุนนั้นๆ มีความเสี่ยงต่ำและมีสภาพคล่องสูง ทั้งข้อกำหนดที่เข้มเป็นพิเศษในด้านทรัพย์สินที่ให้ลงทุนได้เฉพาะตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) ที่มีสภาพคล่องสูงและมีคุณภาพดี เช่น เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้เอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือดีตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เป็นต้น หรือข้อกำหนดอื่นของตัวกองทุน เช่น ต้องดำรงทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูงให้สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เป็นต้น

ด้วยหลักเกณฑ์ที่เข้มเป็นพิเศษเฉพาะตามดังตัวอย่าง ทำให้ MMF แตกต่างชัดเจนจากกองทุนประเภทอื่นหลักๆ อยู่ 3 ประการ คือ (1)สภาพคล่อง (Liquidity) สูง เพราะต้องลงทุนในตราสารระยะสั้นที่มีสภาพคล่องสูงไม่น้อยกว่าอัตราส่วนที่กำหนด เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถเปิดให้ผู้ลงทุนซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ส่วนใหญ่ มักกำหนดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถรับเงินได้รวดเร็ว เช่น ภายในวันทำการรุ่งขึ้นนับจากสั่งขายหน่วย (T+1) ซึ่งก็เท่ากับช้ากว่าถอนเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์วันเดียว

(2) มีความผันผวนของมูลค่าหน่วยลงทุนน้อย เนื่องจากต้องลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ทำให้ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยในตลาดค่อนข้างน้อย (Market risk ต่ำ) และ (3)มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินต้นคืนน้อย (Credit risk ต่ำ) เพราะได้รับอนุญาตให้ลงทุนได้เฉพาะตราสารหนี้ที่มีคุณภาพดี กล่าวคือ ถ้าเป็น Credit rating ระยะสั้นก็ต้องอยู่ใน 2 อันดับแรก (F1 และ F2) หรือถ้าเป็น Credit rating ระยะยาวก็ได้แค่ 3 อันดับแรก (AAA AA และ A) ครับ

แต่สำหรับ Daily FI แล้ว เกณฑ์การลงทุนจะเหมือนกับกองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไปที่สามารถลงทุนในตราสารหนี้ในขอบเขตที่กว้างกว่า MMF ทำให้ บลจ.กำหนดนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ที่หลากหลายได้ โดยผู้ลงทุนอาจสังเกตพบว่ากอง Daily FI เหมือนกันเองก็อาจลงทุนแตกต่างกันอยู่มาก ที่ผ่านมามี Daily FI กลุ่มหนึ่งที่ถูกออกแบบมาให้มีสภาพคล่องสูงคล้ายๆ กับ MMF คือ เปิดให้รับเงิน

ค่าขายหน่วยได้ใน T+1 เช่นกัน (Daily FI อาจจะถูกออกแบบให้ผู้ขายหน่วยลงทุนได้รับเงินใน T+1 T+2 T+3 หรือ T+จำนวนวันที่มากกว่านี้ก็ได้ แต่ที่เห็นกันมากคือ T+1) นอกจากนี้ บางกองก็อาจตั้งชื่อคล้ายๆ กัน หรือการจัดกลุ่มในเว็บไซต์หรือเอกสารโฆษณา บางครั้งก็ถูกนำไปรวมกลุ่มเป็นกลุ่มกองทุนตลาดเงินและตราสารหนี้ หากไม่ทันสังเกตก็อาจเข้าใจผิดว่าเป็นกองทุนประเภทเดียวกันได้ครับ

ความแตกต่างที่สำคัญของสองกองทุนนี้ก็คือ โอกาสของผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับของ Daily FI นั้นสูงกว่าผลตอบแทนของ MMF แต่ก็จะมีความเสี่ยงที่สูงกว่า MMF ด้วย โดย Daily FI สามารถลงทุน ในตราสารที่เสี่ยงสูงกว่า MMF ทั้งในแง่ของ Credit risk ที่ลงทุนได้ตั้งแต่ตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ AAA (ความเสี่ยงต่ำที่สุด) จนไปถึงความเสี่ยงสูง หรืออย่างเรื่องของสภาพคล่องกับความผันผวนของราคา ก็อาจสูงกว่า MMF เพราะไม่ได้ถูกกำหนดให้ต้องลงทุนในทรัพย์สินสภาพคล่องสูง และไม่ถูกจำกัดให้ลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ระยะสั้นไว้เหมือนกับ MMF แต่อย่างใด

กอง Daily FI ที่เปิดให้ผู้ลงทุนรับเงินค่าขายหน่วยได้ในเวลา T+1 จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการสภาพคล่อง และคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่า MMF โดยยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้นได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้ลงทุนว่าจะเลือกกองทุนประเภทใดให้เหมาะกับตนเอง ทั้งด้านความเสี่ยงและผลตอบแทน ก่อนลงทุนทุกครั้งควรศึกษารายละเอียดให้รอบด้าน โดยแหล่งข้อมูลที่น่าสนใจแหล่งหนึ่งก็คือ หนังสือชี้ชวนสรุปข้อมูลสำคัญของกองทุนหรือ Fund Fact Sheet ซึ่งสรุปข้อมูลที่จำเป็นให้แก่ผู้ลงทุน เช่น ประเภทกองทุน นโยบายการลงทุน ระดับความเสี่ยง การกระจายการลงทุนในตราสารประเภทต่างๆ เป็นต้น ผู้ลงทุนสามารถขอได้จากตัวแทนขายกองทุนหรือจาก บลจ.นะครับ

ข่าวล่าสุด

“Rooted Currents” ถอดบทเรียนเมืองอยู่ร่วมกับน้ำได้จริง จากเวทีโลกสู่เอเชีย