posttoday

ประเด็นปฏิบัติผิดพลาด (ภ.ง.ด.50)

20 พฤษภาคม 2559

โดย...สมชาย ชูเกตุ 

โดย...สมชาย ชูเกตุ 

การยื่นแบบเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2558 ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เสียภาษีจากฐานกำไรสุทธิ มีประเด็นที่มักปฏิบัติผิดพลาด ดังนี้

- นับวันเวลายื่นแบบเสียภาษีผิดพลาด การยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 ต้องยื่นภายใน 150 วัน นับแต่วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี ถ้านับวันเวลาผิดพลาดไปเกินกว่า 150 วัน ต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท กรณีมีภาษีชำระจะเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของภาษีชำระอีกด้วย สำหรับบริษัท ฯลฯ ที่มีรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด ณ 31  ธ.ค. 2558 วันสุดท้ายของการยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 ในปีนี้จะตรงกับวันอาทิตย์ที่ 29 พ.ค. 2559 แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ จึงได้เลื่อนออกไปเป็นวันจันทร์ที่ 30 พ.ค. 2559 กรณียื่นแบบผ่าน www.rd.go.th ได้รับการขยายกำหนดเวลาออกไปอีก 8 วัน เป็นไม่เกินวันจันทร์ที่ 6 มิ.ย. 2559 ยื่นแบบเสียภาษีแต่เนิ่นๆ ดีกว่ารอจนวันสุดท้าย หากผิดพลาดขึ้นมายังปรับปรุงแก้ไขได้ทัน สำหรับบริษัท ฯลฯ ที่มีวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่มิใช่วันที่ 31 ธ.ค. 2558 ต้องนับวันเวลาครบกำหนด 150 วันให้ถูกต้อง

- ใช้อัตราภาษีไม่ถูกต้อง สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี ปี 2558 การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากฐานกำไรสุทธิมีอัตราภาษีแตกต่างกันอยู่หลายอัตรา ปกติจะเสียภาษีอัตราร้อยละ 20 แต่กฎหมายให้สิทธิพิเศษแก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือ SMEs โดยเฉพาะรายที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท ได้รับยกเว้นภาษีสำหรับกำไรสุทธิ 3 แสนบาทแรก เสียภาษีอัตราร้อยละ 10 สำหรับกำไรสุทธิส่วนที่เกินกว่า 3 แสนบาทขึ้นไป     

- หักรายจ่ายไม่ถูกต้อง การคำนวณหากำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ต้องเป็นตามเงื่อนไขมาตรา 65 ทวิ และ 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งมีหลากหลายรายการและเงื่อนไขแตกต่างกัน กฎหมายได้กำหนดรายจ่ายใดนำมาหักได้หรือหักไม่ได้ หักได้ทั้งจำนวนทีเดียวหรือทยอยหักค่าเสื่อมราคา

การคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีมักปฏิบัติแตกต่างกับกำไรสุทธิทางบัญชี เช่น รายจ่ายค่ารับรองลูกค้ารายจ่ายทางภาษีจะหักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 0.30 ของจำนวนเงินยอดรายได้หรือยอดขายที่ต้องนำมารวมคำนวณกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายใดในรอบระยะเวลาบัญชี และต้องไม่เกิน 10 ล้านบาท เป็นต้น

- นำรายจ่ายที่ไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินมาหักรายจ่าย บ่อยครั้งที่บริษัท ฯลฯ ได้จ่ายเงินค่าจ้างแรงงานหรือค่าจ้างอื่นโดยที่ไม่มีหลักฐานใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานการจ่ายเงินมาประกอบการหักรายจ่าย ทั้งๆ ที่ได้จ่ายเงินจริง ทำให้ไม่สามารถนำมาหักรายจ่ายได้ แก้ไขโดยการขอหลักฐานใบเสร็จรับเงิน หรือทำหลักฐานให้ผู้รับเงินลงลายมือชื่อการรับเงินนั้น พร้อมถ่ายสำเนาบัตรประชาชนผู้รับเงินไว้

- นำรายได้มารวมคำนวณไม่ครบถ้วน บริษัท ฯลฯ อาจหลงลืมไม่ได้นำรายได้บางรายการมารวมคำนวณ ทำให้กำไรสุทธิต่ำกว่าความเป็นจริง กรมสรรพากรสามารถตรวจสอบได้ง่ายหากบริษัท ฯลฯ ได้รับเงินได้และถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ ก็จะทราบว่าบริษัท ฯลฯ มีรายได้จากที่ใดบ้าง 

- รายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีแบบมีเงื่อนไข รายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีแบบมีเงื่อนไข เช่น เงินปันผลจากการถือหุ้นของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามกฎหมายไทย อาจได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินปันผลทั้งหมด หรือยกเว้นภาษีกึ่งหนึ่ง เป็นต้น บริษัท ฯลฯ ที่ใช้สิทธิควรตรวจดูว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดหรือไม่

มีประเด็นที่ผู้ประกอบการมักปฏิบัติผิดพลาดอีกมาก เช่น ยกผลขาดทุนสุทธิมาใช้ไม่ถูกต้องนำรายจ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการมาหักรายจ่าย เป็นต้น ไม่ว่าจะมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม ถ้าไม่เสียเงินเพิ่มเติมก็ต้องเสียเวลาชี้แจง ไม่ผิดพลาดเลยดีที่สุด  

สวัสดีครับ

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. 68