posttoday

ซินเนอร์จี-โอกาส เส้นทาง "เสริมสุข" สร้างแกร่ง

17 พฤษภาคม 2559

เสริมสุขมีจุดแข็งจากการที่มีสินค้าจัดจำหน่ายถึง 7 แบรนด์ ซึ่งครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค

โดย...วันเพ็ญ พุทธานนท์

หลังจากเสริมสุขก้าวเข้าสู่ใต้ร่มเงาไทยเบฟเวอเรจของกลุ่มสิริวัฒนภักดีตั้งแต่ปี 2554 จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 4 ปี ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างภายในองค์กร โดยเฉพาะการปั้นแบรนด์เอส มาลงชิงชัยในตลาดน้ำดำมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท และการปรับทัพผู้บริหารคนใหม่ โดยมี วิเวก ชาห์บรา เข้ามานั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ขณะที่ผู้สร้างเสริมสุขอย่าง สมชาย บุลสุข ดำรงตำแหน่งประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสุข

นอกจากนี้ วิเวกยังนั่งตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ดูแลแบรนด์เครื่องดื่มกลุ่มนันแอลกอฮอล์ในเครือไทยเบฟเวอเรจ ซึ่งรวมถึงเอสด้วย

ในระยะเวลาเกือบ 6 เดือน ที่วิเวกเข้ามาขับเคลื่อนองคาพยพของเสริมสุขให้ก้าวต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ภายใต้การแนะนำจากสมชาย ซึ่งล่าสุดขุนพลทั้งคู่ได้ออกมาประกาศกลยุทธ์ที่จะสร้างความแข็งแกร่งของเสริมสุขด้วยคำว่า ซินเนอร์จี (Synergy) และโอกาส (Opportunity)

สมชาย ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสุข กล่าวว่า ปี 2559 นี้เป็นปีที่บริษัท เสริมสุข มีเป้าหมายที่ท้าทายในการพัฒนาบริษัทให้แข็งแกร่งรอบด้านทั้งระบบ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนกลุ่มไทยเบฟฯ ให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำบริษัทเครื่องดื่มครบวงจรอันดับ 1 ใน 5 ของเอเชีย ตามวิสัยทัศน์ 2020 ที่มีเป้าหมายเพิ่มรายได้กลุ่มเครื่องดื่มนันแอลกอฮอล์จาก 2.5 หมื่นล้านบาท เป็น 5 หมื่นล้านบาท ในปี 2563

“การที่คุณวิเวกเข้ามาดูแลทั้งเสริมสุขในฐานะผู้จัดจำหน่ายและดูแลไทยดริ้งค์ ในฐานะเจ้าของแบรนด์ ส่งผลให้ทำงานได้ง่ายขึ้น เพราะสั่งการโดยคนคนเดียว และเชื่อมั่นในประสบการณ์กว่า 25 ปีของคุณวิเวกด้านการเงิน เมื่อมาผนวกกับความชำนาญของเสริมสุขด้านปฏิบัติการ จะทำให้เสริมสุขก้าวอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น”

ด้าน วิเวก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข กล่าวว่า เสริมสุขมีจุดแข็งจากการที่มีสินค้าจัดจำหน่ายถึง 7 แบรนด์ ซึ่งครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะ 5 แบรนด์หลักที่เป็นเรือธงในการบุกตลาดและสร้างยอดขาย ได้แก่ เอส คริสตัล จับใจ โออิชิ และฮันเดรดพลัส รวมถึงมีโรงงานผลิต 7 แห่ง และคลังสินค้า 51 แห่งทั่วประเทศ ภายใต้การสนับสนุนจากกลุ่มบริษัทในเครือไทยเบฟฯ อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ภารกิจหลักของเสริมสุข คือ การผลักดันบริษัทให้มีการเติบโตที่ยั่งยืน ซึ่งเกิดจากการเพิ่มการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ การเพิ่มยอดขายให้เติบโต และการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ผลักดันให้แบรนด์หลักก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ชั้นนำของไทย ควบคู่กับการขยายไลน์เครื่องดื่มใหม่ๆ เช่นในอีก 2 ปีคาดว่าจะพร้อมทำตลาดและจัดจำหน่ายนมถั่วเหลืองและน้ำผลไม้จากเอฟแอนด์เอ็นที่ปัจจุบันมีสินค้าอยู่แล้ว

ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาสแรกยังเติบโตถึง 15% ซึ่งถือว่าน่าพอใจ โดยปัจุบันเอสมีส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลม 10% คริสตัลเป็นที่ 2 ในตลาดน้ำดื่มด้วยส่วนแบ่ง 17.3% และโออิชิเป็นผู้นำตลาดชาเขียวพร้อมดื่มด้วยส่วนแบ่ง 43.1%

“สินค้าทุกตัวที่เสริมสุขดูแลด้านการจัดจำหน่ายถือว่ามีศักยภาพและการจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย ต้องมีการทำงานร่วมกันกับบริษัทในเครือด้วย
กลยุทธ์ซินเนอร์จี้ระหว่างเสริมสุข ไทยดริ้งค์ โออิชิ และเอฟแอนด์เอ็น”

นอกจากนี้ รายได้จากการส่งออกจะเป็นอีกแรงสำคัญในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายวิสัยทัศน์ 2020 โดยจะโฟกัสตลาดสิงคโปร์ มาเลเซีย และตลาดกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี อันได้แก่ กัมพูชา เมียนมา สปป.ลาว และเวียดนาม เช่นส่งออกเอสและฮันเดรดพลัสไปยังมาเลเซีย ทำตลาดแรงเยอร์ในเมียนมา และโออิชิในสิงคโปร์และมาเลเซีย เป็นต้น โดยวางเป้าหมายเพิ่มรายได้จากการส่งออกเป็น 20% จากรายได้รวมภายในปี 2563

วิเวก ปิดท้ายว่า เป้าหมายของกลุ่มเครื่องดื่มนันแอลกอฮอล์ คือ การเป็นที่ 1 ในทุกกลุ่มสินค้า แต่ยอมรับว่า ด้วยอายุของเอสเพียง 3 ปีคงยาก สิ่งที่ทำได้ คือ การพยายามขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง

ข่าวล่าสุด

การปรับบุคลิกของ ChatGPT สู่รูปแบบคำตอบที่ตรงใจยิ่งขึ้น