โมโน29ยันธุรกิจไม่เกี่ยว‘แจส’
หลังจากบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ (JASMBB) ในเครือบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ไม่ชำระเงินค่าใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ 900 MHz ซึ่งครบกำหนดไปเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็มีกระแสข่าวออกมาจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในเครือ และหนึ่งในธุรกิจนั้น คือ ทีวีดิจิทัลช่องโมโน 29 ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท โมโน เทคโนโลยี
หลังจากบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ (JASMBB) ในเครือบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ไม่ชำระเงินค่าใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ 900 MHz ซึ่งครบกำหนดไปเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็มีกระแสข่าวออกมาจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในเครือ และหนึ่งในธุรกิจนั้น คือ ทีวีดิจิทัลช่องโมโน 29 ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท โมโน เทคโนโลยี
หลังจากมีกระแสข่าวดังกล่าวออกมา ส่งผลให้ผู้บริหารของบริษัท โมโน เทคโนโลยี ต้องออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า กรณีที่บริษัท แจส โมบาย บรอดแบรนด์ ไม่จ่ายเงินค่าใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ 900 MHz ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของช่องโมโน 29 แต่อย่างใด เนื่องจากทั้งสองธุรกิจเป็นคนละนิติบุคคลกัน มีเพียงส่วนที่เกี่ยวข้องกันก็แค่เพียง พิชญ์ โพธารามิก เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทั้งสองบริษัท โดยที่พิชญ์ถือหุ้น 71% ในบริษัท โมโน เทคโนโลยี และถือหุ้น 25.85% ในบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์
นวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท โมโน เทคโนโลยี กล่าวว่า โครงสร้างการบริหารงานของบริษัท แจส โมบาย บรอดแบรนด์ และบริษัท โมโน เทคโนโลยี ต่างกัน เหมือนกันก็แค่เพียงพิชญ์ถือหุ้นใหญ่ทั้งสองบริษัท ซึ่งจากการที่ ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ออกมาให้ข่าวว่า ปัญหาของแจสฯ อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของช่องโมโน 29 ยอมรับว่า ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาของลูกค้า เอเยนซี และพนักงาน
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าทุกคนมีความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเอเยนซี ประกอบกับล่าสุด พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการ กสทช. ออกมาให้ข่าวว่า การไม่จ่ายค่าใบอนุญาตประมูลคลื่น 900 MHz และการตรวจสอบใบอนุญาตอื่นๆ ในกลุ่มบริษัทเดียวกันจะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของช่องโมโน 29 เพราะเป็นคนละนิติบุคคล และคุณสมบัติของช่องโมโน 29 ก็ไม่มีปัญหา จึงทำให้ผู้บริหารช่องโมโน 29 คลายความกังวลในเรื่องดังกล่าว
จากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว เมื่อถามถึงการจ่ายค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัลงวดที่ 3 ซึ่งจะครบกำหนดในปลายเดือน พ.ค.นี้ ผู้บริหารช่องโมโน 29 ให้คำยืนยันว่า จ่ายตามกำหนดตามกรอบที่ กสทช.วางไว้อย่างแน่นอน โดยในส่วนของงวดที่ 3 นี้ ช่องโมโนจะต้องจ่ายค่าใบอนุญาตคิดเป็นเม็ดเงินทั้งหมดประมาณ 412 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในด้านของแผนการดำเนินงานผู้บริหารช่องโมโน 29 ยังออกมาประกาศอย่างหนักแน่นว่า จะยังคงเดินตามแผนงานเดิมที่เคยวางไว้ โดยในส่วนของปีนี้ได้เตรียมงบลงทุนในด้านของคอนเทนต์ใหม่ไว้ที่ประมาณ 600-700 ล้านบาท ซึ่งคอนเทนต์ใหม่ที่ช่องโมโนภูมิใจนำเสนอ เพื่อเป็นทางเลือกของผู้ชม คือ ละครหลังข่าวในวันจันทร์และอังคารเวลา 20.30 น. เพราะหลังจากทดลองนำละครตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร ไปเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่าได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี
นวมินทร์ กล่าวต่อว่า ละครที่บริษัทจะผลิตมาออกอากาศในช่องโมโน 29 จะเป็นละครที่แตกต่างไปจากช่องอื่นๆ เนื่องจากบริษัทต้องการผลิตละครให้เป็นทางเลือกของผู้ชม เนื่องจากช่องผู้นำอย่างช่อง 3 และช่อง 7 ก็มีคาแรกเตอร์ในการผลิตละครที่ชัดเจนอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ในด้านของภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นตอนเทนต์แม่เหล็กและเป็นคอนเทนต์ในการตอกย้ำแบรนด์ของช่องโมโน 29 ในปีนี้ก็มีแผนที่จะนำภาพยนตร์ใหม่จากต่างประเทศมาออกอากาศเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้สิ้นปีนี้ช่องโมโน 29 มีเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.8 จากปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5
จากจำนวนเรตติ้งที่ขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันช่องโมโน 29 สามารถขยับอัตราค่าโฆษณาในช่วงไพรม์ไทม์มาอยู่ที่ 5 หมื่นบาท/นาที จากก่อนหน้านี้ขายอยู่ที่ประมาณ 2-3 หมื่นบาท/นาที ถึงแม้ว่าจะมีการปรับค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น แต่หากนำมาเปรียบเทียบกับช่องอะนาล็อกเดิมที่ยังมีราคาขายโฆษณาต่อนาทีที่ประมาณ 7 หมื่นบาท ก็ถือว่ายังมีระยะห่างต่างกันมากพอสมควร
นวมินทร์ กล่าวปิดท้ายว่า หลังจากบริษัทนำคอนเทนต์ใหม่ๆ มาออกอากาศอย่างต่อเนื่องและมีการตลาดควบคู่กันไป คาดว่าสิ้นปี 2559 นี้ช่องโมโนน่าจะมีรายได้ที่ 1,500 ล้านบาท เติบโตกว่า 100% จากปี 2558 ที่มีรายได้กว่า 600 ล้านบาท โดยสิ้นปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ช่องโมโน 29 จะเริ่มมีกำไรจากการทำธุรกิจ


