ลุยอีไอเอ38โปรเจกต์น้ำ
กรมชลฯ ยันทำอีไอเอและอีเอชไอเอโครงการลงทุนน้ำ 38 โครงการ ก่อนเปิดประมูลแน่นอน
กรมชลฯ ยันทำอีไอเอและอีเอชไอเอโครงการลงทุนน้ำ 38 โครงการ ก่อนเปิดประมูลแน่นอน
นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมมีแผนจะดำเนินโครงการก่อสร้างแหล่งน้ำ 8 โครงการ มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้อีก 3.6 แสนไร่ ซึ่งปัจจุบันโครงการเหล่านี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และกรมยืนยันว่าจะไม่เปิดประมูลโครงการดังกล่าวก่อนที่อีไอเอจะผ่านการพิจารณา
ทั้งนี้ จากการตีความคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 9/2559 พบว่าไม่ได้เอื้อต่อการเร่งรัดโครงการงานก่อสร้างของกรมชลประทานแต่อย่างใด โดยทุกโครงการต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมและต้องผ่านการศึกษาอีไอเอและอีเอชไอเอก่อนทุกประการ
“คำสั่งดังกล่าวไม่ได้ให้งดเว้นการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่ระบุว่าในระหว่างศึกษาอีไอเอสามารถประมูลงานไปก่อนได้ เมื่ออีไอเอผ่านค่อยเริ่มงาน แต่เนื่องจากการศึกษาอีไอเอในโครงการของกรมต้องใช้เวลามาก ซับซ้อนมาก บางโครงการศึกษานานมากกว่า 5 ปี 10 ปี หรือมากกว่าก็ยังไม่ผ่าน จึงไม่สามารถประมูลได้ก่อนแน่นอน” อธิบดีกรมชลประทาน กล่าว
สำหรับการลงทุนน้ำ 8 โครงการ ได้แก่ โครงการวังหีบ จ.นครศรีธรรมราช 1,600 ล้านบาท อ่างเก็บน้ำแม่ถันน้อย จ.สุโขทัย 213 ล้านบาท อ่างเก็บน้ำแม่ก๋อน จ.แพร่ 582 ล้านบาท เขื่อนแม่วงก์ 9,629 ล้านบาท อ่างเก็บน้ำหนองตาตั้ง จ.ราชบุรี 200 ล้านบาท อ่างเก็บน้ำน้ำญวน จ.พะเยา 900 ล้านบาท อ่างเก็บน้ำห้วยกะแหล่ง จ.ชัยภูมิ 500 ล้านบาท และอ่างเก็บน้ำห้วยตาเปอะ จ.มุกดาหาร 431 ล้านบาท
นอกจากนี้ กรมอยู่ระหว่างศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการลงทุนน้ำอีก 30 โครงการ เมื่อผลศึกษาแล้วเสร็จจะเสนอ สผ.ต่อไป เช่น อ่างเก็บน้ำแม่ปาด จ.อุตรดิตถ์ อ่างเก็บน้ำห้วยไร่ จ.สุโขทัย แก้มลิงพื้นที่ลุ่มต่ำเหนือ จ.นครสวรรค์ และการปรับปรุงระบบชลประทานในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นต้น


