posttoday

กูรู‘คอสนิค’ชี้ช่องสตาร์ทอัพ บันไดความสำเร็จสู่โกลบอล

25 มีนาคม 2559

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอยู่ในปัจจุบัน ต่อเนื่องจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในอเมริกาเมื่อปี 2551

โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอยู่ในปัจจุบัน ต่อเนื่องจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในอเมริกาเมื่อปี 2551 และลุกลามไปทั่วโลก กูรูแห่งสแตนฟอร์ด “ทอม คอสนิค” ได้แนะนำสตาร์ทอัพไทย ควรลงทุนในช่วงเวลานี้มากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังกลับมาฟื้นตัวอย่างช้าๆ

ทอม คอสนิค อาจารย์มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด คณะวิศวกรรมศาสตร์และการจัดการวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า วัฏจักรเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างช้าๆ และเกิดการเปลี่ยนแปลงทุกๆ 2 ปี โดยพบว่าสตาร์ทอัพในอเมริกาเมื่อปีที่ผ่านมา เริ่มกลับมาลงทุนในธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ จึงเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่ถึงขั้นฟองสบู่แตก ยกเว้นเสียแต่หากสงครามโลกเกิดขึ้นเท่านั้น สำหรับในปี 2559 จึงเป็นปีที่สตาร์ทอัพควรกลับมาลงทุนการทำธุรกิจ แต่โจทย์ของการทำต้องมองหาโอกาส ตลาด และสินค้าอะไรที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคด้วย

ขณะที่โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ มองถึงการลงทุนกลุ่มธุรกิจโลกสีเขียว (Clean tech) เป็นโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจและมีศักยภาพเติบโตสูง แต่นักธุรกิจส่วนใหญ่มองข้ามไป เพราะเป็นการลงทุนที่ใช้ระยะเวลานาน และกว่าจะสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจช้า เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้ไปได้นั้น ต้องใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยการทำธุรกิจ สำหรับไอเดียการทำธุรกิจโลกสีเขียวเพื่ออนาคต อาทิ ทำธุรกิจเกี่ยวกับการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ หรือเปลี่ยนน้ำทะเลให้กลับมาใสสะอาด

สำหรับโอกาสของสตาร์ทอัพไทยสู่ตลาดโลก ธุรกิจด้านการเกษตรควรใช้เทคโนโลยีเข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่ม อาทิ ทำผลไม้ให้สามารถเก็บไว้ได้ยาวนานขึ้น สินค้าเกษตรแปรรูป หรือพัฒนาสินค้าเกษตรให้อยู่ในเกรดเอ มากกว่าที่จะลงไปทำตลาดล่าง เพราะไทยมีค่าแรงที่สูงจึงไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนความโดดเด่นของไทยในตลาดอาเซียน คือ การดีไซน์สินค้าแฟชั่นซึ่งสามารถก้าวสู่ตลาดโลกได้ด้วยซ้ำ เพราะคนไทยมีความสามารถด้านการออกแบบที่สูงมาก

“เครืื่องมือที่่จะช่วยให้คนทั่วโลกรับรู้ในเรื่องของการดีไซน์ของไทยที่ดี คือ การสร้างเว็บไซต์หรือแอพพลิิเคชั่น เพราะมีคนต่างประเทศอยู่จำนวนไม่น้อย ที่ไม่เคยมาท่องเที่ยวไทย และไม่ได้รับรู้ว่าประเทศไทยมีฝีมือการดีไซน์สินค้าที่ดีเยี่ยม ไทยไม่จำเป็นต้องก้าวตามประเทศอื่นๆ ที่ชูจุดขายของประเทศทางด้านเทคโนโลยีเหมือนเช่นเกาหลี เพราะไม่ใช่จุดแข็งของประเทศ”    

คอสนิค กล่าวว่า สิ่งที่สตาร์ทอัพต้องยอมรับการทำธุรกิจ คือ ความเสี่ยง เพราะ 90% ของสตาร์ทอัพที่ ซิลิคอนแวลลีย์ในอเมริกา ไม่ประสบความสำเร็จ เกิดจากขาดการเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภค การวิเคราะห์ตลาด ช่องทางการจำหน่ายสินค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ แต่ปัญหาสตาร์ทอัพไทยอ่อนแอในเรื่องของการสร้างแบรนด์ ซึ่งแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญที่บ่งบอกถึงหน้าตา เช่น เมื่อเห็นสัญลักษณ์ Check Mark จะทำให้นึกถึงไนกี้ นอกจากนี้แบรนด์ยังบ่งบอกว่าคุณภาพของสินค้า

หากไทยต้องการสร้างแบรนด์สิินค้าให้ก้าวสู่ตลาดโลกได้ ต้องทลายภาพลักษณ์ “ประเทศขายเซ็กซ์” เพราะเมื่อพูดถึงเซ็กซ์ทุกคนจะนึกถึงไทย ทั้งๆ ที่ีผู้หญิงขายเซ็กซ์มีอยู่ทุกประเทศ หากไม่สามารถทลายภาพลักษณ์ดังกล่าว โอกาสสินค้าไทยจะเติบโตได้ยาก สำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพในเอเชียที่โดดเด่น ยกตัวอย่างในมาเลเซีย ใช้เทคโนโลยีเข้ามาสร้างธุรกิจทางด้านการศึกษาให้กับเด็ก โดยมีเจ้าของธุรกิจ Nadira Ayu หรือกระทั่งเว็บไซต์ www.playmoolah.com ต้องการให้เด็กเรียนรู้ด้านการเงิน

การทำธุรกิจในยุคดิจิทัล เครื่องมือสำคัญที่จะนำพาให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จ คือการสร้างธุรกิจพร้อมกับนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสาน ต้องคิดธุรกิจนอกกรอบบนความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก เพราะสตาร์ทอัพมีอยู่เกลื่อนกลาดไม่ต่างกับแอพพลิเคชั่นบนโลกใบนี้

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ผลบอลสด วันอังคารที่ 23 ธ.ค. 68