เปิดพอร์ต2ผู้บริหารรุ่นใหม่ พิณระตี - อภิเชฐ
โดย...ยินดี ฤตวิรุฬห์
โดย...ยินดี ฤตวิรุฬห์
หากพูดถึงการลงทุนในตลาดหุ้นตอนนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย สำหรับคนรุ่นใหม่ซึ่งบางคนเมื่อจบการศึกษามาแล้ว ไม่คิดที่จะเข้าสู่ระบบการทำงานแต่จะยึดการลงทุนหุ้นเป็นอาชีพอิสระ ซึ่งจะให้อัตราผลตอบแทนที่ดีถ้าเข้าตลาดถูกจังหวะ และศึกษาหาข้อมูลให้พร้อมก่อนตัดสินใจเข้าลงทุนเช่นเดียวกับ 2 ผู้บริหารรุ่นใหม่ คือ พิณระตี สุวรรณนันท์ ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของ บริษัท ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (DCORP) และอภิเชฐ ปุสรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DCORP ที่ทั้งสองคนได้เรียนรู้และรู้จักการลงทุนเป็นอย่างดี
พิณระตี ในวัย 32 ปี กล่าวว่า ภายหลังจบการศึกษาปริญญาตรีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทนิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขา Banking and Finance Law จาก University of Leeds ประเทศอังกฤษ แล้วก็สนใจในเรื่องของการลงทุนหุ้น โดยตัดสินใจเข้าตลาดหุ้นเมื่อปลายปี 2554 ครั้งแรกของการลงทุนยอมรับว่าเป็นการเข้าไปแบบที่ไม่ได้มีความรู้อะไรมาก และมีเหตุมาจากคุณพ่อบอกให้ลองหาวิธีการบริหารเงินที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพหรืองอกเงยขึ้นมา ให้ศึกษาเรื่องการเงินเองดูบ้าง ดังนั้นจึงตัดสินใจมาลองเปิดพอร์ตลงทุน
อย่างไรก็ตาม ในปี 2555 ได้เริ่มเข้ามาทำงานกับบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งและเริ่มศึกษาเรื่องการลงทุนอย่างจริงจังมากขึ้น เมื่อได้เข้ามาอยู่ในโลกของการลงทุน ทำให้เปลี่ยนความคิดเดิมจากที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ก็เห็นว่ามีความซับซ้อนและยุ่งยากมาก เราเลือกมาลงทุนในหุ้นก็ทำให้เราสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้เหมือนกันโดยผ่านการถือหุ้น เมื่อได้เห็นและคิดแบบนี้จึงทำให้ความต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจหายไป
“ยอมรับว่าการเป็นนักลงทุนช่วงแรกๆ ก็ขาดทุนบ้างกำไรบ้าง แต่ก็ไม่ย่อท้อและขยาดกับการลงทุน เพราะคิดว่ายังมีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกเยอะและท้าทายดี เลยไม่ได้เสียกำลังใจจากการขาดทุนและเริ่มหาความรู้ในการลงทุนจากเว็บไซต์บ้าง บวกกับเราทำงานบริษัทหลักทรัพย์ทำให้ได้มีโอกาสเจอคนเก่งๆ และมีแนวคิดในการลงทุนที่ดีและถูกจริตกับตัวเอง ทำให้มีความสุขกับการลงทุนมากขึ้น”
สำหรับการเลือกหุ้นหรือหุ้นที่ชอบและคิดว่าถูกจริตกับตัวเอง คือ หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง ไม่ใช่หุ้นเก็งกำไร เพราะการที่มีหน้าที่และทำงานประจำด้วยไม่เหมาะสม ไม่สามารถเฝ้าหน้าจอได้ตลอดเวลา ดังนั้นจึงเลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานและลงทุนในระยะยาวเป็นหลัก
“ในพอร์ตที่ลงทุนจะมีทั้งลงทุนระยะยาวประมาณ 70% และลงทุนระยะสั้นประมาณ 30% แต่ระยะหลังเมื่อได้เข้ามาทำงานประจำโดยเข้ามารับหน้าที่เป็นประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการที่ DCORP เมื่อต้นปี 2558 ทำให้พอร์ตหุ้นระยะสั้นไม่เคลื่อนไหว ส่วนพอร์ตระยะยาวยังคงลงทุนตามปกติ”
ในส่วนของผลตอบแทนการลงทุนนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมากสำหรับหุ้นพื้นฐานที่ลงทุนยาว เพราะสามารถให้ผลตอบแทนการลงทุนมากถึง 300% และระยะหลังก็ได้เริ่มขยายการลงทุนออกไปยังต่างประเทศ คือออกไปลงทุนหุ้นที่ฮ่องกงเพราะมีเพื่อนที่ทำงานด้านหลักทรัพย์ในต่างประเทศชวนให้ไปลงทุน ถือเป็นโอกาสและกระจายความเสี่ยงการลงทุนออกไป ถือว่าดีในแง่ของการลงทุน
การลงทุนในตลาดหุ้นต้องระมัดระวังและต้องศึกษาก่อนจะเข้าไปลงทุน โดยส่วนตัวไม่ได้นำเงินออมที่มีอยู่มาลงทุนทั้งหมด แต่จะจัดสรรมาสัดส่วน 60% ของเงินออมและในสัดส่วนนี้ประมาณ 30% ออกไปลงทุนต่างประเทศ หากเราลงทุนด้วยความเข้าใจ โอกาสที่จะเกิดขึ้นกับเงินก้อนนี้จะงอกเงยได้อย่างดี
ขณะที่ อภิเชฐ ปุสรี CEO หนุ่มของ DCORP กล่าวว่า ตั้งแต่เรียนจบมา ผมก็มีความคิดเรื่องของการลงทุน ครั้งแรก เลือกลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการซื้อที่ดินและสร้างคอนโดมิเนียม 8 ชั้นขาย และประสบความสำเร็จขายได้หมดในช่วง 2 ปีครึ่ง หลังจากนั้นก็เข้ามาทำงานด้านการลงทุนที่บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ทำหน้าที่ที่ปรึกษาการลงทุน มีโอกาสได้พบกับผู้บริหารของบริษัทต่างๆ เพื่อสัมภาษณ์ถึงวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจและการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งทำให้เห็นว่าเราสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับเงินออมมากกว่าการฝากเงินไว้กับสถาบันการเงิน ดังนั้นผมจึงได้เรียนรู้และเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไปพร้อมๆ กันด้วย
ในการเข้าลงทุนในหุ้นก่อนที่เราจะซื้อ จะต้องดูว่าสถานะทางการเงินของบริษัทนั้นๆ เป็นอย่างไร ใครเป็นผู้ถือหุ้น และดูวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ซึ่งถือว่ามีส่วนสำคัญมากต่อการเติบโตของกิจการ ถ้าหากดูตามหลักการนี้แล้วเห็นว่ามีโอกาสก็ตัดสินใจลงทุน ซึ่งในช่วงที่ลงทุนในหุ้นนั้นจะลงทุนหุ้นบริษัท บัตรกรุงไทย (KTC) เพราะเห็นว่ามีโอกาสโต ตอนนั้นซื้อในช่วงราคาเลข 2 หลัก แต่จากการวิเคราะห์และพบผู้บริหาร คิดอยู่แล้วว่าหุ้นนี้ต้องได้เห็นเลข 3 หลัก ถึงวันนี้ก็เป็นจริง แต่ผมได้ขายไปก่อนหน้าแล้ว ตอนนี้เงินลงทุนทั้งหมดอยู่ที่ DCORPเพราะผมมองว่าจะเป็นโอกาสที่จะเติบโตได้ตามแผนธุรกิจที่จะทำ
“การตัดสินใจมาร่วมลงทุนใน DCORP เพราะเป็นบริษัทไม่มีหนี้สินเลย ถ้าหากเอาโมเดลธุรกิจที่จะทำให้กับพลังงานทางเลือกครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ คือเป็นทั้งผู้ผลิตแผงเซลล์ขายทั้งในและประเทศที่พัฒนาแล้ว การทำบริษัทที่จะปล่อยกู้เพื่อทำลูกค้าที่จะติดแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตกับธนาคารแห่งประเทศไทย ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน การเข้ามาลงทุนในหุ้น DCORP ก็จะเป็นโอกาสที่ดีของการลงทุนของผม” อภิเชฐ กล่าวทิ้งท้าย


