โปรซอฟท์ คอมเทค โตแล้วต้องแบ่งปัน
โปรซอฟท์ คอมเทค ธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ของคนไทย ที่เริ่มต้นจากกิจการเล็กๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่นด้านบัญชีขึ้นมา เพื่อเจาะกลุ่มธุรกิจองค์กร ปัจจุบันอยู่ในตลาดมานานกว่า 21 ปี และมองเห็นทุกการเปลี่ยนแปลงในตลาดไอทีไทยที่เกิดขึ้น
โปรซอฟท์ คอมเทค ธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ของคนไทย ที่เริ่มต้นจากกิจการเล็กๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่นด้านบัญชีขึ้นมา เพื่อเจาะกลุ่มธุรกิจองค์กร ปัจจุบันอยู่ในตลาดมานานกว่า 21 ปี และมองเห็นทุกการเปลี่ยนแปลงในตลาดไอทีไทยที่เกิดขึ้น
วิโรจน์ เย็นสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท โปรซอฟท์ คอมเทค ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาและจำหน่ายซอฟต์แวร์บัญชี เล่าว่า ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจก็เหมือนผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีทั่วไปที่ไม่มีทุนมากนัก แต่มีความมุ่งมั่นที่จะทำธุรกิจจริงๆ จึงทำให้กิจการสามารถผ่านปัญหาและอุปสรรคต่างๆ มาได้จนถึงปัจจุบัน
ในช่วงแรกที่จับธุรกิจนี้นั้น ตนเองไม่ได้มีความรู้ด้านไอทีมากนัก แต่อาศัยที่เรียนจบด้านบัญชีและการบริหารเป็นพื้นฐาน จึงตัดสินใจเปิดธุรกิจเกี่ยวกับสำนักงานบัญชีขึ้นมา ซึ่งการทำงานในขณะนั้นนักบัญชีส่วนใหญ่ก็จะใช้อุปกรณ์เครื่องมือหลักอย่างเครื่องคิดเลขคาสิโอตัวใหญ่ๆ และลงระบบบัญชีด้วยมือ ขณะที่บริษัทใหญ่ๆ จะใช้คอมพิวเตอร์ซึ่งจะประหยัดเวลาและมีความแม่นยำมากกว่า
จากจุดนี้เองจึงตัดสินใจนำความรู้ด้านบัญชีทั้งหมดที่มีอยู่ มานั่งคุยกับโปรแกรมเมอร์ว่าต้องการโปรแกรมซอฟต์แวร์แบบไหนที่ตรงกับความต้องการของนักบัญชีมากที่สุด พร้อมร่วมกันออกแบบผลิตภัณฑ์ว่าต้องการหน้าจอแบบนี้ มีฐานข้อมูลแบบนี้ กระทั่งได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์โปรแกรมซอฟต์แวร์บัญชี ที่เป็นของบริษัทออกมาทำตลาด
ขึ้นมา
ปัจจุบัน บริษัทได้พัฒนาซอฟต์แวร์โปรแกรมต่างๆ เพื่อทำตลาดในกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดกลางและใหญ่ อาทิ โปรแกรมบัญชี WINSpeed สำหรับนักบริหารมืออาชีพ รองรับงานที่หลากหลายของทุกหน่วยงาน โปรแกรมบัญชี Accounting & Financial โปรแกรมบัญชี Prosoft myAccount สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี ง่ายต่อการใช้งาน และโปรแกรมเงินเดือน Prosoft HRMI เป็นต้น
วิโรจน์ เล่าถึงปัญหาอุปสรรคในอุตสาหกรรมธุรกิจไอที ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของบุคลากรหรือคนเป็นหลัก ด้วยเมื่อธุรกิจมีการพัฒนาทั้งคนและองค์กรมาจนถึงจุดหนึ่งแล้ว ก็มักจะประสบปัญหาการที่พนักงานหรือโปรแกรมเมอร์เก่งๆ ถูกบริษัทยักษ์ใหญ่ซื้อตัวไป ด้วยค่าตัวที่สูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 เท่าตัว เพื่อไปรับตำแหน่งผู้บริหารองค์กรก็มี แต่ทั้งนี้บริษัทก็ไม่ย่อท้อ และหันไปใช้วิธีสร้างคน บุคลากรคนไอทีรุ่นใหม่ๆ ออกมารองรับอย่างต่อเนื่อง
“บริษัทจะให้ความรู้ความเข้าใจงานด้านไอทีมากขึ้น ยิ่งมีปัญหา เราก็ยิ่งทุ่มเท มุ่งมั่นกับการทำงานมากขึ้น ด้วยเห็นว่าในธุรกิจวงการนี้ เมื่อขาดแคลนคนไอที เราก็ต้องยิ่งสร้างคนเข้ามามากขึ้น” วิโรจน์ เล่า
พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมงบลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท เบื้องต้นใช้งบลงทุนในระยะแรกราว 100 ล้านบาท พัฒนาโครงการ ออน ไอที วัลเลย์ (Onn IT Valley) ศูนย์พัฒนาความเป็นเลิศสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มีทำเลในพื้นที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ คาดพร้อมเปิดตัวโครงการเฟสแรกเดือน ก.ค. 2559 ที่จะดำเนินการควบคู่ไปกับรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคม (ซีอี-โซเชียล เอนเตอร์ไพรส์) ทั้งการสร้างงานและบุคลากรไอทีสาขาต่างๆ ผ่านการอบรมหลักสูตร และพัฒนาทักษะการทำงาน เป็นต้น
ส่วนแผนธุรกิจบริษัทในปี 2559 เตรียมพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ไม่ต่ำกว่า 2-3 โปรแกรมใหม่ เพื่อทำตลาดรองรับธุรกิจ ซึ่งมองว่าจะเป็นปีทองของอุตสาหกรรมไอทีในปีนี้ ที่ทุกกลุ่มธุรกิจทั้งองค์กรขนาดใหญ่ และเอสเอ็มอีจะหันมาให้ความสำคัญด้านการลงทุนพัฒนาภายในกิจการมากขึ้น โดยบริษัทวางเป้าหมายสิ้นปีนี้จะมีอัตราเติบโตธุรกิจ 30% เทียบกับปี 2558 ที่ผ่านมา
นี่คือธุรกิจไอทีคนไทยที่คิดการใหญ่ด้วยหวังให้ชุมชนเติบโตไปด้วยกัน


