การใช้คลื่น 2100 MHz (อย่างแยบยล)
โดย...รุจิระ บุนนาค
โดย...รุจิระ บุนนาค
การประมูล 4จี บนคลื่นย่านความถี่ 1800 MHz ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2558 การประมูลมีการแข่งขันสู้ราคากันอย่างชนิดข้ามวันข้ามคืน แต่นับว่าคุ้มค่าเพราะรัฐได้รายได้ถึง 80,778 ล้านบาท ผู้เข้าร่วมประมูลต่างมองว่าอนาคตของธุรกิจการสื่อสารไร้สายว่ามีแต่จะโตขึ้น ทั้งนี้ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมประชากร 40% ภายใน 4 ปี และเพิ่มเป็น 50% ภายใน 8 ปี
จำนวนเงินที่ได้จากการประมูลเป็นตัวเลขที่เหนือความคาดหมายของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ถึงสองเท่า ซึ่งนอกจากรัฐจะนำรายได้ที่ได้จากการประมูลไปพัฒนาทางด้านโทรคมนาคมของไทย จะมีการนำรายได้ส่วนหนึ่งไปสร้างที่พักอาศัยแก่ผู้ยากไร้
เมื่อการประมูลคลื่นย่านความถี่ 1800 MHz สร้างรายได้มหาศาลให้กับรัฐ ทำให้มีการคาดหวังว่าการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ น่าจะทำรายได้ให้รัฐได้เกือบ 1 แสนล้านบาท เช่นเดียวกัน
ย้อนไปเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2555 การประมูลคลื่นความถี่ 3จี ย่าน 2100 MHz รัฐได้รายได้ 41,625 ล้านบาท แต่การประมูลครั้งนั้นรัฐวิสาหกิจรายหนึ่งที่ประกอบกิจการโทรคมนาคมไม่ได้เข้าร่วมประมูล เพราะได้รับการจัดสรรคลื่น 2100 MHz ให้ใช้จนถึงปี 2568 ขณะนี้คณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ ได้ลงมติเลือกให้บริษัทเอกชนผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายหนึ่งเป็นพันธมิตรร่วมทำเครือข่าย 3จี 2100 MHz จำนวนปริมาณ (Bandwidth) 15 MHz ในรูปแบบ MVNO (Mobile Virtual Network Operator)
MVNO ในกรณีนี้หมายถึง การที่รัฐวิสาหกิจแห่งนี้ให้บริษัทเอกชนเช่าคลื่น 2100 MHz แล้ว บริษัทเอกชนก็นำคลื่นความถี่ 2100 MHz ที่เช่าในจำนวนมากถึง 15 MHz ไปให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3จี แก่ผู้ใช้บริการโดยไม่ต้องประมูลจำนวนคลื่นที่มากขนาดนี้ หากนำออกประมูลก็น่าจะทำรายได้ให้แก่รัฐไม่แพ้การประมูลคลื่นย่านความถี่ 1800 MHz ที่ผ่านมา
รัฐวิสาหกิจรายนี้ได้รับการจัดสรรจากรัฐให้ใช้คลื่น แต่ก็ไม่ได้บริหารการใช้คลื่นย่านความถี่ 2100 MHz ได้อย่างสมประโยชน์ หรือเก็บรายได้เข้ารัฐอย่างจริงจัง อย่างน้อยที่สุดการที่รัฐวิสาหกิจแห่งนี้ทำ MVNO ก็ย่อมทำให้คลื่นความถี่ซึ่งเป็นทรัพยากรอันมีค่า ได้มีการออกนำมาใช้งาน และสร้างทางเลือกให้กับผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี แต่กระนั้นก็ดีการกระทำเช่นนี้ดูเหมือนว่ารัฐวิสาหกิจแห่งนี้ให้ทางลัดแก่บริษัทเอกชนผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผลตอบแทนที่รัฐวิสาหกิจได้รับรายได้จริง คงจะไม่เปิดเผยให้เป็นที่ประจักษ์เหมือนกับตัวเลขที่รัฐได้รายได้จากประมูลคลื่นย่านความถี่ 1800 MHz หรือ 900 MHz ที่กำลังจะมาถึง
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้รัฐวิสาหกิจแห่งนี้ ดำเนินการเร่งรัดขอชดเชยค่าเสียประโยชน์จากคู่สัญญาสัมปทานที่ใช้งานคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz แก้ไขสัญญาสัมปทาน เพราะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การแก้ไขสัญญาสัมปทานได้ทำความเสียหายแก่รัฐไม่ต่ำกว่า 7.7 หมื่นล้านบาท แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเรียกค่าเสียหายเมื่อใด อย่างไร และต้องใช้เวลาดำเนินการนานเท่าไหร่
แม้รัฐจะมีรายได้จากการประมูล 4จี สำหรับคลื่น 1800 MHz เป็นจำนวนเกือบ 1 แสนล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้จากการประมูล 4จี สำหรับคลื่น 900 MHz อีกเกือบ 1 แสนล้านบาท รัฐก็ยังมีโอกาสที่จะมีรายได้อีก 1 แสนล้านบาท เพราะการที่รัฐวิสาหกิจแห่งนี้นำคลื่น 3จี ความถี่ย่าน 2100 MHz ให้บริษัทเอกชนใช้ในรูปแบบ MVNO และเรียกค่าเสียประโยชน์ล่าช้า ทำให้รัฐขาดรายได้จำนวน 1 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐมีสิทธิติดตามเรียกร้องได้
หากรัฐมีความตั้งใจจริงที่จะนำเงิน 1 แสนล้านบาทนี้ มาเป็นรายได้เข้าคลัง เงินจำนวนนี้สามารถนำมาพัฒนาประเทศได้หลายๆ ด้าน


