posttoday

ระวังเงินทุนไหลเข้า!

21 กรกฎาคม 2553

แม้จะเหลือเวลาอีกไม่นานนัก ธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะพ้นตำแหน่งไป แต่การทำงานในปัจจุบันถือว่าผู้ว่าการหญิงคนแรกของไทยยังทุ่มเทกับการทำงานหนักอย่างเต็มมือ วันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา เธอเปิดห้องคุยกับกองบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์ในหลายเรื่อง แต่สิ่งที่ดูเหมือนว่าเธอเป็นห่วงที่สุด คือ เงินทุนไหลเข้า ที่กำลังบุกเข้ามาในภูมิภาคนี้

rสถานการณ์ทางเศรษฐกิจขณะนี้ที่น่าเป็นห่วงคืออะไร

ที่ห่วงคือ เรื่องเงินทุนไหลเข้าออกที่ค่อนข้างรวดเร็ว และเป็นไปในลักษณะของการเข้าๆ ออก ซึ่งจะเป็นไปทั้งภูมิภาค ไม่เฉพาะในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวที่ต้องเผชิญ

สิ่งที่วัดได้ของการไหลเข้าออกของเงินทุน คือ ตลาดหุ้นที่ดีดตัวสูงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากการไหลเข้าของเงินทุน

สำหรับประเทศไทยนั้น แม้ว่าจริงๆ แล้วในรอบ 5 เดือนเป็นต้นมานับจากต้นปี เมื่อนำเงินทุนไหลเข้าออกมาหารด้วยขนาดของตลาดหรือมาร์เก็ตแคปจะเท่ากับศูนย์ ถือว่ายังดีอยู่ และจะเห็นว่าเวลาที่นำมารวมกันนั้นจะมองไม่เห็นภาพของความผันผวน แต่ความเป็นจริงในระหว่างทางนั้นยังมีแรงสวิงขึ้นลงในสัดส่วนที่บางเดือนสูงโด่ง บางเดือนลดลง แต่ก็ถือว่าผันผวนระดับกลางๆ ทั้งๆ ที่ค่าเงินบาทสามารถควบคุมให้ผันผวนในระดับกลางๆ แต่ก็คงต้องหาทางรับมือให้ทันกับวิกฤตหรือการเคลื่อนย้ายของเงินทุน

rเป็นไปได้หรือไม่ว่าการที่เศรษฐกิจไทยมีอัตราการขยายตัวในอัตราที่สูงของภูมิภาคอาเซียนเป็นรองแค่สิงคโปร์ อาจทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายมายังไทยมาก

ขนาดการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ใช่ประเด็นหลักของการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างประเทศ ก่อนหน้านี้เงินทุนไหลออกจำนวนมาก เป็นเพราะวิตกกับปัญหาทางการเมืองตอนนั้นไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้เกิดขึ้นจากปัญหาในกลุ่มประเทศยุโรป ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจ ก็เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนและเข้ามาทั้งภูมิภาค ปัญหาเหล่านี้เราควบคุมไม่ได้

rการขึ้นดอกเบี้ยมีเป้าหมายตรงนี้หรือเปล่า

ไม่ได้มีความหมายนั้น แต่เป็นการดูแลป้องกันในเรื่องระดับราคา และทำให้อัตราดอกเบี้ยสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น

คราวที่แล้วดอกเบี้ยของไทยลงมาจนเหลือ 1.25% มันเป็นการลดลงเฉพาะหน้าเหมือนกันทุกประเทศ ไต้หวันก็ลงมาในระดับ 1.25% แต่ไม่ได้สะท้อนตัวเลขที่เหมาะสมกับระดับเศรษฐกิจของไทย เพราะดอกเบี้ยนโยบายในระดับ 1.25% นั้น ถือว่าต่ำผิดปกติสำหรับของไทยเราจึงขยับขึ้น

ส่วนที่มีการประเมินว่าจะขึ้นไปถึง 2% หรือไม่นั้น ไม่อยากฟันธง เพราะไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นมา เพราะเศรษฐกิจโลกมันผันผวนมาก อีกทั้งเมื่อมองไปข้างหน้าต้องอาศัยข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ และต้องอาศัยข้อมูลจากต่างประเทศ เพราะเกี่ยวพันกันมาก เราไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วแค่ไหน มันอยู่ที่ระบบการผลิต กำลังซื้อ และความเสื่อมของระบบเศรษฐกิจ

ขณะนี้ประเทศในยุโรปกำลังจัดทำบททดสอบครั้งใหญ่ในระบบธนาคาร เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจว่าธนาคารพาณิชย์ในระบบของยุโรปมีความแข็งแกร่งเพียงพอ ซึ่งไม่มั่นใจว่าแข็งแกร่งแค่ไหนและจะมีบางธนาคารไม่แข็งแรงมีมากน้อยแค่ไหน ประเทศในยุโรปต้องการรู้เพื่อจะได้ช่วยได้ทัน และขณะเดียวกันก็ทำให้ตลาดเกิดความมั่นใจ

สิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าความผันผวนของเศรษฐกิจและเงินทุนเคลื่อนย้ายจะผันผวนแค่ไหน ถ้าแย่กว่าสิ่งที่คาดการณ์ไว้ก็หนัก

rสถานะปัจจุบันไทยรับมือกับเงินทุนไหลเข้าได้มากน้อยแค่ไหน

สภาพตลาด สภาพเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันนี้ ถือว่ามีความแข็งแกร่งมาก แทบทุกด้านขยายตัวดี ทั้งลงทุน กำลังซื้อภายใน ที่สำคัญนั้น คือ ภาคการส่งออกมีการขยายตัวที่สูงและถือว่าดีมากๆ ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนก็ควบคุมได้อยู่ สามารถแข่งขันได้ แต่หากเงินทุนไหลเข้าเราต้องระมัดระวัง ผู้ส่งออกต้องหาทางรับมือกับความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน

ปัจจุบันนี้ผู้ส่งออกของไทยเวลาโควตราคาซื้อขายสินค้ากับประเทศคู่ค้า เขาจะพยายามโควตราคาบวกลบไว้ประมาณ 510% เพื่อรองรับความผันผวนของค่าเงินบาท ซึ่งประเทศในภูมิภาคนี้ก็เผชิญปัญหาเช่นนี้ เพราะขณะนี้ประเทศในกลุ่มอเมริกาและยุโรปกำลังเป็นตัวดิ่งลง

ดังนั้น ผู้ประกอบการ นักลงทุน ผู้ส่งออกต้องตระหนักว่า ขณะนี้ประเทศในภูมิภาคนี้กลายเป็นหัวรถจักรหลัก เป็นหัวรถจักรใหญ่ในการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก จึงดึงไทยและประเทศอื่นๆ เข้าไปด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการประเมินว่าเงินหยวนของจีนจะมีการแข็งค่าขึ้นมาอีก นักลงทุนและกองทุนจึงมีการแข่งขันกันเอาเงินมาพักไว้ในตลาดตราสารหนี้ ตราสารทุน พอถึงเวลาที่ประเมินว่าหยวนต้องแข็งค่าขึ้นมา ก็เข้าไปเล่นเงินหยวน พวกนี้เป็นปัจจัยที่กดดันทั้งภูมิภาค

ธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องเข้าไปดูแลความผันผวนที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องออกมาตรการเพื่อสนับสนุนการไหลเข้าออกของเงินทุนให้รวดเร็วและมีความคล่องตัว เพื่อมิให้ผู้ประกอบการ นักลงทุน ผู้ส่งออกของไทยได้รับผลประทบจากการไหลเข้าออกของเงินทุนที่จะเกิดขึ้นจำนวนมากหลังจากนี้ไป

ข้อวิตกของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้เกินเลย เพราะหากพิจารณาจากเงินทุนเคลื่อนย้ายจนทำให้ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศในแต่ละสัปดาห์จะพบเห็นนัยบางประการ กล่าวคือ

ช่วงวันที่ 411 มิ.ย. ทุนสำรองเพิ่มขึ้น 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ วันที่ 1118 มิ.ย. เพิ่มขึ้นอีก 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ วันที่ 1825 มิ.ย. เพิ่มขึ้น 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ วันที่ 25 มิ.ย.2 ก.ค. เพิ่มขึ้น 700 ล้านเหรียญสหรัฐ และวันที่ 29 ก.ค. เพิ่มขึ้นอีก 400 ล้านเหรียญสหรัฐ

ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนได้ว่า เงินทุนต่างประเทศเริ่มไหลเข้าไทย

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี