posttoday

Choco Card บัตรสิทธิพิเศษยุคดิจิทัล

20 พฤศจิกายน 2558

จากการมองเห็นโอกาสใหม่ๆ จากธุรกิจแรกที่เป็นผู้ให้บริการแหล่งรวมร้านอาหาร

โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล

จากการมองเห็นโอกาสใหม่ๆ จากธุรกิจแรกที่เป็นผู้ให้บริการแหล่งรวมร้านอาหาร ของกิน ของอร่อย จากที่ต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ www.ginraidee.com และเห็นว่ายังสามารถขยายการบริการเพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้าที่เป็นธุรกิจร้านอาหารได้อีก โดยมีโจทย์ว่า จะทำอย่างไรจึงจะสามารถสร้างฐานลูกค้าประจำของร้านให้กลับมาได้ เพื่อสร้างยอดขายให้กับร้านอย่างต่อเนื่อง จึงกลายเป็นที่มาของธุรกิจใหม่ ในชื่อ “ช็อคโก้ คาร์ด” (Choco Card)

นรธัช สินธวานนท์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (ซีเอ็มโอ) บริษัท ช็อคโก้ คาร์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ ผู้ให้บริการธุรกิจบัตรสิทธิพิเศษ “ช็อคโก้ คาร์ด” กล่าวถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจที่ต่อยอดมาจากการร่วมทำเว็บไซต์กินไรดีร่วมกับหุ้นส่วน ที่มองว่าการขยายฐานลูกค้าใหม่ให้กับร้านค้านั้นคงยังไม่พอ แต่จะต้องหาวิธีรักษาฐานลูกค้าเก่าให้กลับเข้ามาใช้บริการซ้ำได้อีก

จากแนวคิดนี้จึงเป็นที่มาของบัตรสิทธิพิเศษ ช็อคโก้ คาร์ด ที่เข้ามารองรับกลุ่มเป้าหมายทั้งสองส่วน คือ 1.ผู้ถือบัตรลูกค้าทั่วไป และ 2.ผู้ประกอบการร้านค้า ธุรกิจบริการประเภทต่างๆ เช่น ร้านอาหาร ร้านตัดผม เป็นต้น ซึ่งบัตรนี้จะเข้ามาช่วยร้านค้าเก็บข้อมูลด้านต่างๆ จากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในร้าน เพื่อให้ทางร้านนำกลับไปประมวล วิเคราะห์ พร้อมพัฒนากิจกรรมส่งเสริมการขาย (โปรโมชั่น) ต่างๆ ออกมาได้ตรงกับความต้องการลูกค้า

นรธัช กล่าวว่า บัตรช็อคโก้ คาร์ด จะเป็นการให้บริการเพื่อสร้างความจงรักภักดีของลูกค้า (โลยัลตี้ โปรแกรม) หรือการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (ซีอาร์เอ็ม) ที่เหมาะสมกับลูกค้าในยุคปัจจุบันที่มีพฤติกรรมปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ ซึ่งบัตรนี้จะเข้ามาช่วยร้านค้าธุรกิจบริการต่างๆ ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้อีก ซึ่งจะแตกต่างไปจากบัตรเครดิต ที่ผู้ออกบัตรทุกรายจะเน้นการสร้างโลยัลตี โปรแกรม ให้กับผู้ถือบัตรมากกว่าตัว
ร้านค้า

“ขณะที่ลูกค้าทั่วไปก็จะได้รับสิทธิพิเศษด้านต่างๆ อาทิ ส่วนลด การสะสมแต้ม ฯลฯ จากการใช้บัตรดังกล่าว ได้เพียงบัตรเดียว โดยไม่ต้องถือบัตรร้านค้าต่างๆ ที่มีหลายบัตรให้ยุ่งยากเหมือนในอดีต ซึ่งบริการลักษณะนี้เริ่มแล้วในหลายประเทศอย่างสหรัฐ  ยุโรป และสิงคโปร์” นรธัช เล่า

ทั้งนี้ บริษัทได้พัฒนาบัตรขึ้นมา 2 รูปแบบ คือ 1.หน้าบัตรลวดลายพื้นฐาน (เบสิกการ์ด) และ 2.หน้าบัตรลวดลายจากทางร้านค้าให้เป็นผู้ผลิต ที่ปัจจุบันมีร้านค้าต่างๆ เข้าร่วมแล้วไม่ต่ำกว่า 230 แห่ง และมีผู้ถือบัตรไม่ต่ำกว่า 1.2 แสนราย ซึ่งในส่วนของการหาลูกค้าในกลุ่มร้านค้าต่างๆ นั้น บริษัทจะใช้กลยุทธ์การติดต่อเจ้าของธุรกิจร้านค้าโดยตรงก่อนเข้าไปนำเสนอผลิตภัณฑ์บริการดังกล่าว ซึ่งบริษัทจะมี
รายได้มาจากค่าบริการจากทางร้านค้าตามแพ็กเกจ 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจดังกล่าวถือเป็นกิจการเริ่มต้นในภาคธุรกิจการเงิน หรือ ฟิน เทค (Finance Technology) ที่ใช้เงินทุนกิจการหลักล้านบาทต้นๆ โดยปัจจุบันบริษัทมีอายุ 1 ปี 6 เดือน และมีความสนใจหาผู้ร่วมทุน (เวนเจอร์ แคปปิตอล) เพื่อนำเม็ดเงินเข้ามาขยายธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคตเช่นกัน

สำหรับแผนธุรกิจในปีหน้า บริษัทวางเป้าหมายจะสามารถขยายร้านค้าต่างๆ เพิ่มขึ้นเป็น 300 ร้านค้า จากปัจจุบันแบ่งสัดส่วนราว 60% เป็นกลุ่มร้านค้าประเภทร้านอาหาร และอีก 30% เป็นกลุ่มร้านค้าประเภทความงาม ที่เหลือ 10% เป็นกลุ่มธุรกิจอื่นๆ เช่น ร้านขายทอง สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น และคาดว่าจะสามารถขยายจำนวนผู้ถือบัตรได้อยู่ที่ประมาณ 2.5-3 แสนราย 

ขณะที่ผลดำเนินการธุรกิจบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้ราว 1.6 ล้านบาท และในปี 2559 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านบาท ที่มาจากแผนธุรกิจและกลยุทธ์การทำตลาดที่วางไว้

ธุรกิจสตาร์ทอัพไทยมีความน่าสนใจจากการต่อยอดไอเดียธุรกิจเดิม ที่ต้องการเข้ามาช่วยเหลือธุรกิจร้านค้าให้สามารถอยู่ได้ยั่งยืนในยุคการค้าดิจิทัล

ข่าวล่าสุด

Adobe Firefly รวมพลังโมเดลสร้างวีดีโอ สู่การใช้งาน Runway