posttoday

อ่านเกมจัสมิน-ดีแทค หลังพิงฝาสู้ศึก 4จี

16 พฤศจิกายน 2558

ด้วยความเร็วของ 4จี ที่มากกว่า 3จี ถึง 10 เท่า ส่งผลให้ 4จี ไม่ใช่แค่แข่งกันเองในธุรกิจโทรคมนาคม แต่ข้ามไปแข่งกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

โดย...ทีมข่าวธุรกิจตลาดโพสต์ทูเดย์

ความต้องการคลื่นเพื่อนำมาให้บริการ 4จี เช่น คลื่น 1800 กับ 900 เมกะเฮิรตซ์ ที่สามารถตอบโจทย์ในด้านเทคโนโลยีและการใช้งานในอนาคต ที่ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความเร็วในการรับส่งข้อมูล แต่เป็นโอกาสของธุรกิจทั้งเก่าและใหม่ ทั้งกลุ่มคอนเทนต์ที่ต่อไปจะรับส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น ดาวน์โหลดวิดีโอหรือรับชมรายการถ่ายทอดสดฟุตบอลได้อย่างไม่สะดุด ซื้อขายแบบอี-คอมเมิร์ซ การโอนจ่ายเงินแบบโมบายแบงก์กิ้ง รองรับไลฟ์สไตล์ที่รวดเร็ว

ด้วยความเร็วของ 4จี ที่มากกว่า 3จี ถึง 10 เท่า ส่งผลให้ 4จี ไม่ใช่แค่แข่งกันเองในธุรกิจโทรคมนาคม แต่ข้ามไปแข่งกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสาย หรือแลนด์ไลน์บรอดแบนด์ และธุรกิจบรอดคาสต์ เช่น ทีวีดิจิทัล ดังนั้นการชิงใบอนุญาตคลื่น 1800 กับ 900 จึงมีความต้องการที่ซับซ้อนซ่อนเกมหลายชั้น

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นการประมูลในรอบแรก เชื่อว่าภายในระยะเวลาเพียงปีแรกจะสามารถให้บริการเครือข่ายครอบคลุมถึง 80% และไม่เกิน 3 ปี จะครบ 100% เพราะทุกฝ่ายค่อนข้างมีความพร้อม ไม่ต้องติดตั้งเสาใหม่ แต่ใช้การแชริ่งเสา เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้แบบรวดเร็วตามกำหนดได้

“ถึงอย่างไรคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ก็ยังน่าสนใจ เพราะเป็นคลื่นที่มีความถี่ต่ำและครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างกว่า ในขณะที่คลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ จะนำไปใช้ในกลุ่มบรอดแบนด์แอลทีอี ทุกค่ายจึงต้องมีทั้งสองคลื่นทำงานร่วมกัน และเงินลงทุนในส่วนนี้จะไม่น้อยกว่า 5 แสนล้านบาท ไม่รวมธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างโมบายแบงก์กิ้ง ท่องเที่ยว อี-คอมเมิร์ซ โมบายคอมเมิร์ซที่เริ่มมีการใช้งานบ้าง แต่ใน 3 ปี จะบูมแน่นอน” พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าว

ถึงแม้ว่าราคาใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ จะเสร็จสิ้นและปิดยอดไปกว่า 8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเอไอเอส 40,986 ล้านบาท และทรูมูฟ 39,792 ล้านบาท ส่วนจัสมินเฉียดฉิวไปที่ 38,996 ล้านบาท และดีแทค 17,504 ล้านบาท แม้ว่าตัวเลขจะดูสูงกว่าเมื่อครั้งใบอนุญาต 3จี ที่จบมูลค่าเงินประมูลรวม 41,625 ล้านบาท โดยครั้งก่อนเอไอเอสให้ราคาสูงสุดคือ 14,625 ล้านบาท

แต่หากมองค่าเฉลี่ยต่อปีในครั้งนี้ แม้เงินประมูลใบอนุญาตของเอไอเอสจะแตะ 4 หมื่นล้านบาท แต่เมื่อคำนวณต้นทุนค่าใบอนุญาตในแต่ละปีจะจ่ายเพียง 2,277 ล้านบาท ในขณะที่ทรูมูฟจะเสียค่าใบอนุญาตเฉลี่ยปีละ 2,210 ล้านบาท ถือว่าเป็นตัวเลขที่รับได้ และไม่น่าจะคืนทุนยากนักเมื่อหักกลบลบหนี้กับต้นทุนในปัจจุบัน

พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร กล่าวว่า ไม่น่าแปลกใจที่ทรูพยายามที่จะได้ใบอนุญาตสักใบบนสองคลื่นความถี่นี้ แต่หลังจากนี้ดีแทคต้องทุ่มให้มากเพื่อที่จะหนีจากการโดนกินส่วนแบ่งตลาดจากทรูมากกว่า

“ถึงอย่างไรเจ้าตลาดโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 รายย่อมไม่ต้องการให้มีรายใหม่เข้ามาอยู่แล้ว แต่การที่จัสมินซึ่งเป็นรายใหม่มีแรงแข่งจนยอดเงินขึ้นมาถึง 38,996 ล้านบาท ถือว่าไม่ธรรมดาเพราะเรียกได้ว่าเทหมดหน้าตัก และเชื่อว่าการประมูลในรอบถัดไปอย่างคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ ก็น่าจะดุเดือดกว่าครั้งแรก เพราะพันธมิตรของจัสมินก็น่าจะไม่ยอมถอยง่ายๆ ส่งผลให้เงินประมูลในครั้งหน้าอาจจะเคาะไปถึงหลัก 3 หมื่นล้านบาท แบบเร็วกว่าเดิมก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นไม่ควรประมาท”

อย่างไรก็ตาม พิพัฒน์มองเกมการประมูลครั้งต่อไปว่า ทรูมูฟน่าจะเพียงพอกับใบอนุญาตที่ได้ไปแล้ว ที่เหลือน่าจะเป็นการแข่งขันระหว่าง เอไอเอส ดีแทค และจัสมิน มากกว่า เพราะครั้งนี้เรียกว่าต่างฝ่ายต่างก็ยอมกันไม่ได้อีกแล้ว เพราะถ้าดีแทคยอมอีกครั้งย่อมส่งผลกระทบด้านความเชื่อมั่นของลูกค้าแน่นอน

“จัสมินค่อนข้างพร้อมในเรื่องคอนเทนต์และพันธมิตรอยู่แล้ว หากได้ใบอนุญาตใบใดใบหนึ่งธุรกิจโมบายอินเทอร์เน็ตระส่ำเหมือนเมื่อครั้งอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์แน่นอน หากมองย้อนกลับไปการให้บริการในกลุ่มอินเทอร์เน็ตภายในบ้านที่มีผู้ให้บริการอย่างทรู ทีโอที และ 3บีบี แม้ว่าทรูจะเป็นเจ้าตลาดในกลุ่มนี้ แต่ 3บีบี ก็เป็นรายแรกที่กล้าลดราคาแพ็กเกจให้ถูกลง ทำให้เจ้าตลาดอย่างทรูต้องออกแพ็กเกจให้ถูกลงเพื่อรักษาความเป็นเจ้าตลาด และในครั้งนี้หากจัสมินได้เข้ามาจับตลาดโมบายอินเทอร์เน็ตอีก ก็เป็นไปได้ว่าจะส่งแพ็กเกจเอาใจลูกค้าที่จะตัดราคาให้ถูกลง ดังนั้น หากรายเก่าไม่ต้องการให้จัสมินเข้ามา ก็ต้องวางเกมประมูลรอบหน้าให้รัดกุมกว่านี้”

ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้บริหารกลุ่ม บริษัท อีฟราสตรัคเจอร์ และนายกสมาคมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย กล่าวว่า ความพร้อมของจัสมินในครั้งนี้น่าจะทำให้ทุกฝ่ายต้องกังวล เพราะถ้าจัสมินเข้ามาได้ย่อมส่งผลกระทบต่อความพยายามในตลาดคอนเทนต์ของทรู เพราะทั้งสองบริษัททำธุรกิจด้านคอนเทนต์คล้ายกัน

“เพื่อเป็นการกระตุ้นให้คนไทยใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ย่อมต้องลดราคาแพ็กเกจให้ถูกลง ทุกวันนี้จะเห็นว่าราคาแพ็กเกจที่เราใช้จ่ายเฉลี่ย 399-599 บาทนั้น แม้จะเป็นราคาที่ทุกคนรับได้ แต่ก็ยังสูงสำหรับคนบางกลุ่ม หากเป็นรายเดิมคงทำได้แค่รักษาฐานราคานี้ไว้ แต่ถ้าเป็นรายใหม่อย่างจัสมินเข้ามาแล้วลดราคาลงได้มากกว่าค่าเฉลี่ยเหมือนที่ทำกับบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต งานนี้กระทบกับภาพรวมอุตสาหกรรมโทรคมนาคมแน่นอน ส่วนดีแทคนั้นยังมองไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไร” ภาวุธ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากดีแทคยังไม่สามารถได้ใบอนุญาตบนคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ ในปี 2561 มีแนวโน้มว่าจะเป็นเหมือนเอไอเอสอย่างในปัจจุบันที่มีแต่คลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์ ในมือสำหรับให้บริการ ซึ่งนั่นอาจจะส่งผลให้เสียตำแหน่งจากเบอร์ 2 ไปให้แก่ทรูไม่ยากนัก เพราะตอนนี้ทรูมีฐานลูกค้าทั้งหมด 24.4 ล้านราย ในขณะที่ดีแทคมีอยู่ 28.4 ล้านราย ดังนั้น ศึกครั้งนี้คงต้องมองกันยาวๆ

ข่าวล่าสุด

เปิดแฟ้มครม.9 ธ.ค.68 ลุ้นคนละครึ่งพลัส2 เคลียร์โครงการงบค้างท่อ