'มานิต อุดมคุณธรรม' หัวใจ คือ การให้
โดย...เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร
โดย...เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร
คอลัมน์ “เถ้าแก่แชร์กึ๋น” ได้สัมภาษณ์ “มานิต อุดมคุณธรรม” คัมภีร์ธุรกิจระดับตำนานผู้ก่อตั้งห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้าที่ได้ชื่อว่า “สวยในซอย” แต่สามารถดึงดูดผู้บริโภคให้เข้าไปใช้บริการได้ แม้จะถูกขนาบด้วยห้างทั้งไทยและเทศ แต่สามารถเติบโตได้
“หัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ คือ การให้ คิดแต่จะให้ลูกค้าได้มากที่สุด” มานิต อดีตประธานกรรมการบริหาร ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ปัจจุบันเป็นกรรมการบริหาร บริษัท อีลิเชี่ยน ดิเวลลอปเม้นท์ และบริษัทในเครืออีกหลายแห่ง อาทิ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ และบริษัท สตาร์ แฟชั่น เป็นต้น
มานิต เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่วัยรุ่นอายุ 16 ปี โดยช่วยพี่ชายทำธุรกิจโรงงานเสื้อผ้า แบรนด์ดังๆ สมัย 30 ปีก่อน ทั้งยีนส์รีน่า พีเจยีนส์ จนมาถึงเสื้อผ้าแบรนด์เอสแฟร์
“สมัยก่อนค้าขายเสื้อผ้าทำไม่ยาก มีร้านค้าเล็กๆ มากมายเป็นช่องทางจำหน่าย ไม่เหมือนสมัยนี้ที่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ที่ที่ผู้คนจะไปซื้อสินค้าต้องมีที่จอดรถ มีร้านอาหาร มีร้านกาแฟ” มานิต กล่าว
ไม่น่าเชื่อว่าสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นกับธุรกิจค้าปลีกทุกวันนี้ ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ หรือโมเดิร์นเทรดทั้งหลาย จะมีแนวคิดมาจากห้างสรรพสินค้าโรบินสันที่
มานิตก่อตั้งสาขาแรกที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อปี 2521 ด้วยแนวคิด “หนุ่มสาว ร่วมสมัยไปโรบินสัน”
พอเปิดสาขาราชดำริในปีต่อมา ก็กลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของห้างค้าปลีกขณะนั้น ทั้งโครงสร้างของห้างที่มีช่องตรงกลาง (Open Well) ของศูนย์การค้าเป็นครั้งแรก มีลิฟต์เงิน ลิฟต์ทอง ทำให้โรบินสัน ได้ชื่อว่า “สวยในซอย” เพราะถูกขนาบด้วยห้างไดมารู ของญี่ปุ่น และเซ็นทรัล ชิดลม แต่สามารถดึงดูดลูกค้าไปใช้บริการได้ประสบความสำเร็จ รวมทั้งเป็นที่แรกที่แจกของพรีเมียม เมื่อซื้อสินค้าครบ 600 บาท แจกกระดาษชำระ เป็นต้น และไอเดียในการแจกของพรีเมียม ยังถูกใช้อยู่ในห้างสรรพสินค้าโรบินสันและห้างอื่นๆ จนทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม มานิตในวัย 70 ปีวันนี้ มองย้อนไปถึงชีวิตนักธุรกิจที่บุกตะลุยทำงานหามรุ่งหามค่ำ เคร่งเครียดกับการทำธุรกิจจนสุขภาพอ่อนแอ จึงหันมาเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ ตั้งแต่ช่วงปลายที่อยู่กับโรบินสัน ก็สร้างแคมเปญวิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ เพื่อรณรงค์ให้คนหันมาออกกำลังกายมากขึ้น และช่วง 10 ปีหลัง ได้ซื้อที่ดินที่เขาใหญ่กว่า 150 ไร่ พัฒนาเป็นโครงการ “สวอนเลค” สร้างธรรมชาติบนพื้นที่เดิมที่แห้งแล้ง
“เดิมที่ดินผืนนี้เป็นไร่ข้าวโพด แห้งแล้ง น้ำมีน้อย ต้องอาศัยเทวดา แต่พอไปดูเชื่อว่าที่แห่งนี้มีน้ำ ก็มีจริงๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ฟื้นฟูธรรมชาติขึ้นมา พร้อมๆ กับการฟื้นฟูสุขภาพของตัวเองไปด้วย”
ปัจจุบันโครงการสวอนเลค มีทะเลสาบ 7 แห่ง มีต้นไม้สายพันธุ์ต่างๆ กว่า 5 หมื่นต้น ที่มานิตใช้เวลาปลูกสร้างตลอด 10 ปีที่ผ่านมา และเปิดตัวเป็นโครงการที่พักอาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมและโรงแรมขนาดประมาณ 40-50 ห้อง ในช่วงปลายปีนี้ หวังให้เป็นบ้านที่สองสถานที่พักผ่อนของนักธุรกิจและคนทั่วไป ให้เข้ามาสัมผัสกับธรรมชาติ ออกกำลังกาย คลายความเครียดจากการทำงานในเมืองกรุง
“สมัยเราทำธุรกิจ เคร่งเครียดจากการทำงาน ผู้บริหารทุกคน ประชุมๆ นอนไม่หลับ ความสำเร็จไม่เห็น เห็นแต่โลงศพ จึงต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ ดูแลสุขภาพกายและใจมากขึ้น และโครงการสวอนเลคจึงเกิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์นี้” มานิต กล่าว
และโครงการที่อยู่อาศัยนี้ก็เช่นเดียวกับการทำธุรกิจอื่นๆ ของมานิต เกิดด้วยแนวคิดของการให้ ให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขที่สุด จึงคิดแบบครบวงจรในการดูแลผู้อยู่อาศัย จ้างโรงแรมมาบริหารดูแล หาแหล่งน้ำเพิ่มเติมสำรองไว้สำหรับผู้อยู่อาศัย แม้จะมีทะเลสาบถึง 7 แห่งแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นการคิดไปถึงอนาคต
“คำว่า ให้ คือให้ได้ทุกอย่าง เหมือนอย่างโรบินสัน ลูกค้าก็เหมือนกัน สินค้าก็เหมือนกัน แต่เราให้มากกว่า ลูกค้าก็มาโรบินสัน เช่นเดียวกันการทำที่อยู่อาศัย ต้องให้คนที่มาอยู่มีความสุข เราจะต้องมองเห็นปัญหาก่อน และวางแผนเพื่อแก้ปัญหานั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำทุกธุรกิจ” มานิต กล่าวทิ้งท้าย


