สปช.ชูปี 2575 ไทยพ้นกับดักเศรษฐกิจ
คณะกรรมาธิการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จัดสัมมนาทางวิชาการ
โดย...ทีมข่าวการเงินโพสต์ทูเดย์
คณะกรรมาธิการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จัดสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง “การปฏิรูปเศรษฐกิจไทย” เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการปฏิรูประบบการคลัง ระบบการเงิน ระบบภาษีอากร และระบบตลาดทุน รวมทั้งออกรายงานเรื่อง “วาระพัฒนาแนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจไทยเพื่อเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในปี 2575”
ทั้งนี้ สาระสำคัญของรายงาน จากการศึกษาวิเคราะห์พบว่า สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของไทยกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการค้ากับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี เพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี มีนโยบายมุ่งขยายธุรกิจไปประเทศด้านมหาสมุทรอินเดียมากขึ้น และอินเดียก็มีนโยบายดึงดูดการค้าการลงทุนจากกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก ทำให้ไทยและอาเซียนเป็นจุดนัดพบธรรมชาติ
นอกจากนี้ โครงสร้างเศรษฐกิจไทยกำลังเปลี่ยน เพราะภาคเกษตรขาดแคลนแรงงาน และการเข้าสู่ตลาดของจีนและอินเดีย ส่วนภาคอุตสาหกรรมก็หดตัวลงจากค่าแรงที่สูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยแม้จะกระจุกตัวในกรุงเทพฯ แต่มีการกระจายความเจริญสู่จังหวัดต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วใน 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะจังหวัดชายแดน จึงต้องปรับระบบให้มีอำนาจในการบริหาร ในการตัดสินใจ โดยปฏิรูประบบการบริหารให้สอดคล้องกับความต้องการในอนาคต
สุดท้ายคือ ประเทศไทยจำต้องรวมกำลังทั้งภาครัฐและเอกชนในการสร้างแผนระยะยาวสำหรับประเทศ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากโอกาสอันมหาศาลครั้งนี้ รวมทั้งจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์รายอุตสาหกรรมที่ชัดเจน เพราะแต่ละอุตสาหกรรมมีการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ เพื่อให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง (Middle Income Country) เพื่อให้สามารถเข้าสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Country) ในปี 2575 จึงได้มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ขึ้น เช่น แผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย (หรือการเชื่อม 2 สมุทร) เพื่อรองรับการค้า การทำธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และสร้างสิ่งแวดล้อมรองรับธุรกิจที่จะตามมา โดยทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ ทั้งการค้า การลงทุน การเงินและธุรกรรมอื่นๆ ที่ก้าวหน้าและทันสมัย
ขณะเดียวกัน ต้องมีแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูประบบการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูประบบโครงสร้างภาษีอากร
สมชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง สปช. กล่าวว่า ได้เสนอจัดทำยุทธศาสตร์ชาติไทย โดยมีเป้าหมายให้ไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2575 ให้ประชาชนมีรายได้เฉลี่ย 4 หมื่นบาท/เดือน ภายใต้จีดีพีขยายตัวปีละ 6.5% ในช่วง 10 ปีหน้า ขณะที่กลุ่มรายได้น้อยสุด 10% ของประชากร ต้องมีรายได้เฉลี่ย 1.5 หมื่นบาท/เดือน เพิ่มจาก 4,000 บาท/เดือนในปัจจุบัน ประชาชนทุกคนเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานทุกด้านและมั่นคงปลอดภัย สัดส่วน 90% ของประชากรมีความรู้ด้านการเงินและคอมพิวเตอร์พื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม เพื่อผลักดันให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจในภูมิภาค เอเซียน ลดการฉ้อราษฎร์บังหลวงให้ลดน้อยลง และให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก จำเป็นต้องพัฒนาจุดแข็งของ ไทย ที่มีสถานที่ตั้ง หรือ Location ที่ได้เปรียบ ด้วยการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ เช่น การสร้างถนนเชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย ระบบขนส่งในทุกด้าน การพัฒนาระบบรางทั่วประเทศ โดยปฏิรูปการทำงานของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เป็นลำดับแรก
นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เสนอให้รับทบทวนมาตรการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ รวมถึงแนวคิดที่จะยกเว้นภาษีให้แก่ผู้ประกอบการในเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพราะอาจไม่ได้ทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างที่ภาครัฐเข้าใจ แต่ยังทำให้รัฐจัดเก็บรายได้ลดลง และสร้างความเหลื่อมล้ำให้เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ประกอบการอื่นๆ


