posttoday

สยามสวิสส สีลม ศก.ชะลอ ต้องไม่หยุดนิ่ง

29 กรกฎาคม 2558

โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล

โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล

“ในปีนี้เศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัวและเชื่อว่ามีผลกระทบต่อกำลังซื้อในเกือบทุกภาคส่วนธุรกิจ รวมถึงกลุ่มสินค้านาฬิกาหรูที่ได้รับผลกระทบบ้าง แต่ในฐานะตัวแทนทำตลาดนาฬิกาแบรนด์ โรเล็กซ์ ซึ่งเป็นแบรนด์หรูหราที่อยู่ในใจของคนไทยในอันดับต้นๆ เห็นว่าการไม่หยุดนิ่งด้านบริการ พร้อมบริหารจัดการสต๊อกสินค้า จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการทำตลาดในขณะนี้...”

ข้างต้นเป็นคำกล่าวของสุภาพร พูลสถิติวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามสวิสส สีลม ตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) นาฬิกาหรู “โรเล็กซ์” (ROLEX) และ“ทิวดอร์” (TUDOR) จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่อยู่ในตลาดเมืองไทยมาไม่ต่ำกว่า 36 ปี และในฐานะรุ่น 2 ที่เข้ามารับช่วงบริหารกิจการครอบครัวต่อจากรุ่นคุณพ่อ ที่บุกเบิกกิจการดังกล่าว พร้อมเปิดร้านจำหน่ายนาฬิกาโรเล็กซ์และทิวดอร์ สาขาแรกที่สยามสแควร์ซอย 5 ตั้งแต่ปี 2522 

สุภาพร เล่าว่า ได้เข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัวตั้งแต่อายุ 27 ปี หรือราวปี 2537 โดยตลอดช่วงกว่า 20 ปีที่เข้ามาบริหารกิจการนำเข้านาฬิกาลักซ์ชัวรี่นั้น ได้เผชิญกับหลากหลายปัจจัยที่ส่งผลทั้งใน
เชิงบวกและลบ โดยเฉพาะความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท แต่ปัจจุบันปัญหาดังกล่าวเริ่มคลี่คลายลงไปบ้าง ด้วยปัจจุบันภาษีนำเข้าสินค้านาฬิกาจะอยู่ที่อัตรา 5% ทำให้ไม่มีช่องว่างด้านราคาสินค้าระหว่างในและต่างประเทศมากนัก ซึ่งเป็นผลดีต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้ง่ายขึ้น

ขณะเดียวกับที่ในปีนี้เศรษฐกิจภาพรวมอยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน แต่บริษัทจะยังคงดำเนินการตามแผนธุรกิจเดิมที่วางไว้ ด้วยการมุ่งเน้นการบริหารความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า โดยเฉพาะคุณภาพการให้บริการไปพร้อมกับการปรับปรุงร้านบูติกในรูปแบบร้านสาขาเดี่ยว (สแตนด์อะโลน) สาขาแรกที่สยามสแควร์ซอย 5 ภายใต้โฉมใหม่ซึ่งจะเป็นร้านต้นแบบ (แฟล็กชิป) ร้านทิวดอร์แห่งแรกด้วย

พร้อมมีแผนขยายสาขาร้านสแตนด์อะโลน “โรเล็กซ์” แห่งที่ 3 ในสยามสแควร์ซอย 5 เช่นเดิม เพื่อตอกย้ำตำนานของร้านโรเล็กซ์ในย่านดังกล่าว อันเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มลูกค้าขาประจำตั้งแต่รุ่นคุณพ่อที่ยังนิยมเข้ามาใช้บริการ และเลือกดูสินค้านาฬิกาโรเล็กซ์รุ่นใหม่ๆ อยู่เสมอ ปัจจุบันมีสาขาร้านสแตนด์อะโลน โรเล็กซ์ 3 แห่ง อยู่ที่เซ็นทรัลบางนา สีลม และสยามสแควร์โดยใช้งบลงทุนทั้งการปรับโฉมและเปิดร้านใหม่รวมไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

สำหรับการเปิดร้านแฟล็กชิป ทิวดอร์ นั้น เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 28-40 ปี ที่มองหานาฬิกาคุณภาพดี เหมาะสำหรับการสวมใส่ทั้งเพื่อการใช้งานและเป็นเครื่องประดับ ที่มีระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 8 หมื่นบาทขึ้นไป-2 แสนบาท จากการที่ทิวดอร์ถือเป็นแบรนด์ลูกจากผู้ผลิตเดียวกับแบรนด์โรเล็กซ์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์  

“จากภาวการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ในฐานะตัวแทนขายในไทยจะต้องไม่หยุดนิ่ง ต้องนำสินค้านาฬิกาโรเล็กซ์ในรุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด พร้อมจัดกิจกรรมกระตุ้นกำลังซื้อลูกค้าด้วย”

ขณะที่ฐานลูกค้าบริษัทจะเป็นทั้งลูกค้ากลุ่มเดิมราว 60% และลูกค้ากลุ่มใหม่ 40% โดยเป็นลูกค้าในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด สัดส่วน 70% และ 30% ตามลำดับ ในช่วงที่ผ่านมากำลังซื้อลูกค้าลดลงไปราว 20% และคาดว่าภาพรวมตลาดนาฬิกาลักซ์ชัวรี่ในปีนี้จะมีแนวโน้มเติบโตลดลงราว 20% เช่นกันแต่จากแนวทางการทำตลาดของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะยังทำให้สามารถรักษาอัตราการเติบโตธุรกิจเอาไว้ได้ในช่วงเดียวกับที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะปกติโดยมีการเติบโต
ที่ 20%

ปัจจุบันธุรกิจได้เริ่มส่งไม้ต่อไปยังลูกสาว สุดารัตน์ พูลสถิติวัฒน์ ที่ได้เข้ามาช่วยดูแลกิจการบ้างแล้ว โดยเฉพาะในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสื่อใหม่ในสังคมออนไลน์ (โซเชียลมีเดีย) สำหรับการทำตลาดนาฬิกาหรูทั้งสองแบรนด์โรเล็กซ์และทิวดอร์ ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่มีอายุน้อยลง และสนใจลงทุนซื้อนาฬิกาหรูให้กับตัวเอง
ที่มีแนวโน้มขยายการเติบโตสูงขึ้นในอนาคตด้วย

ข่าวล่าสุด

ครม. ทบทวน EV3 เพิ่มความยืดหยุ่น หนุนไทยสู่ฐานผลิต EV โลก