posttoday

"บุณยสิทธิ์" นำทัพฝ่าปัจจัยลบ พร้อมปรับแผนทุกสถานการณ์

22 กรกฎาคม 2558

เศรษฐกิจของไทยในขณะนี้เปรียบเสมือนการขับรถโดยใช้เกียร์สองบนถนนที่ยังจำเป็นต้องใช้เกียร์หนึ่ง

โดย...จะเรียม สำรวจ

ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี ที่บริษัท สหพัฒนพิบูล ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค จากวันนั้นจนถึงวันนี้การดำเนินธุรกิจของสหพัฒน์ก้าวเข้าสู่เจเนอเรชั่นที่ 3 ไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีเจเนอเรชั่นที่ 2 เป็นพี่เลี้ยงในการดำเนินธุรกิจที่ยังคงยึดมั่นวิสัยทัศน์เหมือนที่ผ่านมา คือ คุณภาพคู่คุณธรรม ผู้นำการจำหน่าย เพิ่มพูนสุขให้คนไทย พร้อมก้าวไกลสู่สากล ซึ่งมาพร้อมนโยบายการดำเนินธุรกิจ “ร่วมใจพัฒนา สร้างนวัตกรรมใหม่ ขยายช่องทางสู่สากล เป็นองค์กรคนดี รับผิดชอบต่อสังคม”

จากธุรกิจที่เกิดขึ้นในปี 2485 ภายใต้ชื่อ “เฮียบเซ่งเชียง” ที่ เทียม โชควัฒนา เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นในตรอกอาเนียเก็ง ถนนทรงวาด ด้วยเงินทุนเพียง 1 หมื่นบาท เพื่อขายของเบ็ดเตล็ดที่สั่งซื้อจากฮ่องกง และเริ่มขยายกิจการมาเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าจากต่างประเทศ จนกระทั่งปี 2495 “เฮียบเซ่งเชียง” เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สหพัฒนพิบูล ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท

ปัจจุบันสหพัฒน์มีธุรกิจที่อยู่ภายใต้การดูแลมากกว่า 200 บริษัททั่วประเทศ แม้ว่าองค์กรจะมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่วิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจยังคงยึดมั่นธรรมาภิบาลที่เคยประกาศไว้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ยังคงเน้นไปในด้านของคุณภาพ การสร้างสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ การสร้างความสุขให้กับคนไทยเมื่อได้ใช้สินค้าของเครือสหพัฒน์ หรือการหาพันธมิตรธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์เหมือนกัน

ยิ่งตอนนี้ภาพรวมเศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัว สหพัฒน์ก็ยังคงยึดมั่นการผลิตสินค้าคุณภาพราคาประหยัดที่ผู้บริโภคทั่วไปสามารถจับต้องได้เข้ามาทำตลาด พร้อมย้ำหนักแน่นว่า “จะยังไม่ขึ้นราคาสินค้า” แม้ว่าต้นทุนจะเพิ่มสูงขึ้น เพราะไม่ต้องการให้ผู้บริโภคแบกภาระเพิ่ม

บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า เศรษฐกิจของไทยในขณะนี้เปรียบเสมือนการขับรถโดยใช้เกียร์สองบนถนนที่ยังจำเป็นต้องใช้เกียร์หนึ่ง หรือเป็นการขับรถที่มีสภาพดีบนถนนที่มีแต่ฝุ่นคละคลุ้งโดยไม่ทันได้ขึ้นไฮเวย์ (ทางด่วน) การดำเนินธุรกิจของเครือสหพัฒน์จึงยังขยายการลงทุนอยู่ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น พร้อมปรับแนวทางในการพิจารณาหรือกำหนดแผนต่างๆ จากที่เคยวางแผนล่วงหน้าเป็นปีหรือครึ่งปี เปลี่ยนมาเป็นการพิจารณาเฉพาะหน้าเดือนต่อเดือน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

ด้วยความมุ่งมั่นสานต่อธุรกิจจาก เทียม โชควัฒนา ปัจจุบัน “สหพัฒน์” กลายเป็นผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภคสัญชาติไทยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยบุณยสิทธิ์ยังคงเดินหน้าบริหารเครือสหพัฒน์ด้วยธรรมาภิบาล เพราะตระหนักดีว่าองค์กรจะเจริญก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืน ต้องดำเนินงานภายใต้นโยบายที่ดี คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการดำเนินธุรกิจ ทั้งลูกค้า คู่ค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น ตลอดจนสังคม ประเทศชาติ และสิ่งแวดล้อม

เครือสหพัฒน์จึงมีนโยบายในการดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญ 3 เรื่อง คือ คนดี สินค้าดี สังคมดี (Good People : Good Product : Good Society) โดย Good People หรือคนดี เครือสหพัฒน์ได้สนับสนุนให้บุคลากรประพฤติและปฏิบัติตนเป็นคนดีของสังคม และพัฒนาให้มีศักยภาพในการทำงาน พร้อมปลูกฝังจริยธรรมในการทำงานและการดำเนินชีวิต การสนับสนุนคู่ค้าให้มีจรรยาบรรณที่ดีในการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงการกำกับดูแลให้บุคลากรปฏิบัติงานบนพื้นฐานของความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ลูกค้า คู่ค้า สังคม และประเทศ

สำหรับ Good Product หรือสินค้าดี สหพัฒน์ยังคงมุ่งเน้นนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพที่สอดคล้องกับราคา พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้าเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าและการบริการ ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้คิดค้นนวัตกรรมเกี่ยวกับสินค้าและการบริการ เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าและการบริการอย่างต่อเนื่อง และให้ผู้บริโภคเกิดความศรัทธาในสินค้า

ขณะที่ Good Society หรือสังคมดี สหพัฒน์มีการสนับสนุนให้บุคลากรมีจิตสำนึกของการเป็นผู้ให้เป็นผู้มีจิตอาสา ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการจัดกิจกรรมที่เอื้อประโยชน์ต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และสาธารณประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ทำการใดๆ ที่จะส่งผลในทางลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับส่งเสริมผู้ด้อยโอกาสให้มีอนาคตที่่ดีและอยู่ได้ในสังคม

ข่าวล่าสุด

นายกฯ ลั่นยึดพื้นที่คืนแล้ว ปัดใช้คนกลาง สั่ง กต.แจงอาเซียน