บัวสยาม ไทยมาสซาจฯ นวด100ล้านในเยอรมนี
ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา ธุรกิจบริการนวดไทย/สปาไทยในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในยุโรปนั้นมีภาพลักษณ์ค่อนไปทางลบ
โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล
ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา ธุรกิจบริการนวดไทย/สปาไทยในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในยุโรปนั้นมีภาพลักษณ์ค่อนไปทางลบ ซึ่งจากปัญหาที่เกิดขึ้นได้มีหน่วยงานรัฐหลายฝ่ายเข้าไปแก้ไข โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงพาณิชย์ของไทย ได้พัฒนาหลักสูตรพร้อมอบรมพนักงานไทยที่ให้บริการในธุรกิจนวดสปาไทยในยุโรปอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่ยอมรับในตลาดดังกล่าวภายใต้มาตรฐานการให้บริการในระดับสากล
โดยเฉพาะในประเทศเยอรมนีที่การให้บริการการนวดไทยและสปาไทยได้เป็นที่รู้จักแพร่หลายและให้การยอมรับด้านมาตรฐานบริการมากขึ้น โดยศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในเยอรมนี ระบุว่า ในปัจจุบันมีร้านนวดไทย/สปาไทยเปิดตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศเยอรมนีกว่า 379 ร้าน โดยเฉพาะในกรุงเบอร์ลิน 121 ร้าน นครแฟรงก์เฟิร์ต 21 ร้าน มิวนิก 10 ร้าน และมันน์ไฮม์ 9 ร้าน (ข้อมูลจากฝ่ายการพาณิชย์ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต)
และเมื่อไม่นานมานี้ ชมรมวิทยากรสปาแห่งทวีปยุโรป ยังได้จัดประกวดมาตรฐานสปาไทย โดยได้ผู้ประกอบการเข้าประกวด 12 ราย จากเยอรมนี อังกฤษ สวิส และสวีเดน โดยวัดจากมาตรฐานการดำเนินกิจการสปาและการนวดแผนไทย ภูมิปัญญาไทย การตกแต่งที่เน้นความเป็นไทย และความสะอาด โดยร้านนวดไทยและสปาไทยที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 คือ ร้าน Bua Siam Thai Massage and Spa ที่ปัจจุบันเปิดให้บริการ 8 สาขาที่ มิวนิก
อรปรียา ฮอฟมันน์ เจ้าของร้านบัวสยาม ไทย มาสซาจ แอนด์ สปา (Bua Siam Thai Massage and Spa) เล่าว่า ได้เปิดธุรกิจร้านดังกล่าวในสาขาแรกเมื่อราว 8 ปีก่อน โดยใช้ที่บ้านของตัวเองในย่านชวาบิงเป็นสถานที่ให้บริการ และเมื่อมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจนี้มาได้ระยะหนึ่ง จึงตัดสินใจเปิดร้านสาขา 2 ขึ้นโดยขยับทำเลเข้ามาอยู่ในตัวเมือง ด้วยเล็งเห็นว่า “ทำเล” เป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆ ในการทำธุรกิจ ทั้งเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของลูกค้า และพนักงานร้าน
สำหรับบริการนวดไทยสปาไทยในการรับรู้ของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวเยอรมันนั้นจะแตกต่างไปจากบริการนวดแบบอื่นๆ จากการนำเทคนิคสไตล์การนวดแบบไทย ทั้งเพื่อการคลายเส้น ลดปวดเมื่อย และเพื่อผ่อนคลายร่างกาย โดยกลุ่มลูกค้าหลักที่เข้ามาใช้บริการจะเป็นกลุ่มคนทำงานอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปจนถึง 50 กว่าปี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่สบายดี แต่ต้องการพักผ่อน หรือรีชาร์จร่างกายจากการนวดไทย
“ปัญหาอุปสรรคแรกๆ ของการทำธุรกิจนี้ในเยอรมนี คือภาพลักษณ์ที่เป็นลบของบริการนวดไทย แต่เราก็ได้นำเรื่องมาตรฐานต่างๆ เข้ามาใช้ภายในร้าน ที่มีขั้นตอนต่างๆ ไปจนถึงการให้พนักงานใส่ชุดเครื่องแบบของทางร้าน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาทางร้านได้ตัดและออกแบบชุดพนักงานไปแล้วไม่ต่ำกว่า 6-7 แบบ ถึงปัจจุบันนี้ธุรกิจบริการนวดไทยและสปาไทยในเยอรมนี ได้เป็นที่ยอมรับในสายตาลูกค้ามากขึ้น” อรปรียา อธิบาย
ในส่วนของรายได้นั้น อรปรียา ยอมรับว่าได้ผลตอบแทนน่าพอใจทีเดียว ที่แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปจะอยู่ในภาวะถดถอยในช่วงที่ผ่านมา แต่กำลังซื้อด้านบริการดูแลสุขภาพของชาวเยอรมันกลับยังดีอยู่ โดยทางร้านวางอัตราค่าบริการนวดครึ่งชั่วโมง บริเวณหลัง ไหล่ อยู่ที่ 27 ยูโร หรือคิดค่าบริการนวดไทย 1 ชั่วโมงอยู่ที่ 49 ยูโร
พร้อมปิดท้ายเทคนิคความสำเร็จการทำธุรกิจบริการนวดไทยสปาไทยในเยอรมนี ที่ทางร้านให้ความสำคัญลำดับต้นๆ คือ ความสะอาด ที่ชาวเยอรมันแคร์มากที่สุด รองลงมาคือเรื่องราคาและคุณภาพ การให้บริการที่มีความใส่ใจลูกค้า และสุดท้ายที่ทำให้ลูกค้าเมืองเบียร์ติดอกติดใจ คือ เทคนิคหรือการนวดไทยสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร ถึงปัจจุบันทางร้านเตรียมขยายสาขาลำดับที่ 9 และเชื่อว่าภายในปี 2559 นี้ จะมีรายได้แตะ 100 ล้านบาท


