สมดุลของการอดทน และการไม่อดทน
ตั้งแต่เล็กจนโตคนรุ่นผมจะถูกสอนมาตลอดตั้งแต่เด็กว่าให้รู้จักคำว่า อดทนและอดกลั้น เพื่อให้มีความมุมานะในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มีการให้ความหมายของคำว่าความอดทนอยู่หลายแบบ เช่น ความสามารถในการยอมรับหรือยอมทนกับความล่าช้า ปัญหา หรือความทุกข์ทรมาน โดยที่ไม่มีการตอบสนองอย่างไม่เหมาะสม หรือการอดทนหมายถึงการไม่เลิกรา ตั้งแต่เห็นสัญญาณตั้งแต่แรกแล้วว่าสิ่งต่างๆ จำเป็นต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งถึงจะสำเร็จ
ตั้งแต่เล็กจนโตคนรุ่นผมจะถูกสอนมาตลอดตั้งแต่เด็กว่าให้รู้จักคำว่า อดทนและอดกลั้น เพื่อให้มีความมุมานะในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มีการให้ความหมายของคำว่าความอดทนอยู่หลายแบบ เช่น ความสามารถในการยอมรับหรือยอมทนกับความล่าช้า ปัญหา หรือความทุกข์ทรมาน โดยที่ไม่มีการตอบสนองอย่างไม่เหมาะสม หรือการอดทนหมายถึงการไม่เลิกรา ตั้งแต่เห็นสัญญาณตั้งแต่แรกแล้วว่าสิ่งต่างๆ จำเป็นต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งถึงจะสำเร็จ
ความอดทนเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน เพราะบางครั้งเราเหมือนต้องอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย ยอมรับมันแม้จะรู้สึกไม่ชอบมันก็ตาม แถมยังไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะจบสิ้นเมื่อไร ซึ่งบ่อยครั้งที่มันขัดกับวิถีชีวิตของคนสมัยนี้โดยสิ้นเชิง เพราะเดี๋ยวนี้เราเคยชินกับการที่เราจะได้ในสิ่งที่เราต้องการแทบจะทันที เราอยากรู้อะไรก็เข้าไปถามในอินเทอร์เน็ต ส่งของด่วนไปยังอีกฟากของโลกภายใน 24 ชั่วโมง ดูโทรทัศน์แบบออนดีมานด์ เลือกชมได้ทันที อยู่ที่ไหนก็สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ทันทีผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเรื่องต่างๆ เหล่านี้เมื่อก่อนต้องใช้เวลารอ แต่เดี๋ยวนี้สามารถเข้าถึงได้ทันทีผ่านทางสมาร์ทโฟน ทางอินเทอร์เน็ต เราใช้เวลาน้อยมากๆ กับการฝึกความอดทน แถมยังพยายามหาวิธีการต่างๆ ในการทำสิ่งต่างๆ ให้เร็วขึ้นอีก
หลายคนอดทนมากเกินไป นิ่งเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ บางครั้งการอดทนมากเกินไปก็ทำให้เราถูกมองว่าเป็นคนหงอ การอดทนเป็นสิ่งที่เราต้องหาความพอประมาณ ว่าเราอดทนมากเกินไป หรือไม่อดทนเพียงพอ
ยกตัวอย่างในชีวิตประจำวัน เราก็จะพบว่าอะไรที่ควรอดทน อะไรที่ไม่จำเป็นต้องอดทน ทั้งนี้เพื่อที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้ เช่น เราต้องหยุดรถรอเมื่อเห็นสัญญาณไฟแดง เพื่อที่จะหยุดให้รถอีกทางไปอย่างปลอดภัย มิฉะนั้นก็จะเกิดอุบัติเหตุ หรือเราต้องเข้าแถวเพื่อซื้ออาหารและรอจนกว่าจะถึงคิวของเรา แม้ว่าคิวข้างหน้าเราจะเลือกอาหารช้ามากก็ตาม เราก็ไม่มีสิทธิที่จะแซงคิวแล้วบอกว่าผมเลือกได้แล้วให้ผมสั่งก่อน แต่อีกด้านหนึ่ง เมื่อเราเห็นว่าสายมากจะไม่ทันประชุมสำคัญ เราอาจตัดสินใจว่าการรอคิวซื้ออาหารอาจไม่คุ้มกับการเข้าประชุมสาย ในกรณีนี้การไม่อดทนกับการรอคิวเพื่อจะไปประชุมให้ทันเวลาเป็นสิ่งที่มีเหตุผล หรือเราอาจกดแตรบอกรถคันแรกที่จอดยังไม่ยอมออกรถตอนไฟเขียวแล้ว แทนที่จะอดทนรอจนให้เขาเห็นสัญญาณไฟเอง ซึ่งไม่มีเหตุผลนัก
ผลเสียจากการที่เราอดทนมากเกินไป คนบางคนไม่มีความสุขกับงานที่ทำ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่เขาก็ยังอดทนทำงานนั้นอยู่ อาจจะเป็นเพราะเขาคิดว่าเขาได้ใช้เวลาไปมากกับสิ่งนั้น ลงทุนลงแรงไปเยอะมากแล้ว เลยทนเพื่อหวังว่าในเร็วๆ นี้เขาจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า สิ่งที่เขาตั้งใจอดทนอาจจะเป็นเพราะเขามองไม่เห็นหรือไม่ยอมมองเห็น ว่าตัวเขาเองต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง เขามองไม่เห็นหรือไม่ยอมมองเห็นว่าเขาต้องตัดสินใจออกจากงานตรงนั้นเพื่อจะได้มีชีวิตที่มีความสุขกับงานมากขึ้น
เขาอาจจะกลัวที่จะหางานที่ดีกว่านี้ไม่ได้ กลัวความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น หรืออาจจะแค่กลัวการเปลี่ยนแปลง บางคนถึงขั้นคิดว่าเขาไม่มีค่าพอที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง และการลาออกนั้นก็จะยิ่งเป็นบทพิสูจน์ว่านั่นคือความจริง ดังนั้นเขาจึงยอมอดทนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และซ่อนความกลัวหรือความภูมิใจในตนเองที่น้อยลงไว้ข้างหลังความดีงามของคำว่าอดทน
หรือกรณีของคนที่คบกันมานาน ฝ่ายหญิงมักจะคิดว่าฝ่ายชายคงจะขอเขาแต่งงานเร็วๆ นี้เมื่อทุกอย่างพร้อม เช่น งานลงตัว ฐานะมั่นคง เป็นต้นในขณะเดียวกันคุณก็เห็นว่าอีกฝ่ายเขาพอใจอยู่แล้วกับความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ในขณะนั้น ดังนั้นจึงมองไม่เห็นเลยว่าจะมีแรงจูงใจอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายขอแต่งงาน ซึ่งหลายต่อหลายครั้งฝ่ายหญิงก็รู้วาควรตัดใจเสียที แต่ก็จะมีความรู้สึกว่าเราลงทุนลงแรงไปเกินกว่าที่จะเลิกได้ การที่จะอดทนจึงดูดีกว่าการยอมรับว่าเราพลาดแล้วเดินจากมามือเปล่า ซึ่งก็ทำให้เขาเหล่านั้นพลาดที่จะได้เริ่มต้นใหม่
คนเรานั้นเก่งกับการทำให้ตัวเองเชื่อว่าสิ่งที่เราหวังจะเป็นจริง บางครั้งการอดทนนิ่งๆ ก็เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่ความอดทนก็สามารถทำให้เราติดแหง็กได้ ปัญหาก็คือ ถ้าเรารอนานเกินไปที่จะลงมือทำตามแผน หรือถ้าได้ทำตามแผนแล้ว ก็ใช้เวลารอนานเกินไปในการรอมันให้ได้ผล เราอาจกำลังหลอกตัวเองว่ามันได้ผล เราควบคุมสถานการณ์ได้ ทั้งๆ ที่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น
ความอดทนจะทำให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น คือ ไม่หุนหันพลันแล่น ฉลาดขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อทุกด้านของชีวิต นอกจากนี้หากเราไม่มีความอดทนแล้ว เราอาจทำอะไรโดยไม่ได้คิดอย่างรอบคอบเท่าที่ควร ย้ายจากงานหนึ่งไปอีกงานหนึ่งโดยไม่มีโอกาสได้พัฒนาทักษะใดๆ อย่างจริงจัง เพราะหลงระเริงกับผลตอบแทนระยะสั้น
แต่เราก็ต้องตระหนักรู้ว่าการมีความอดทนมากเกินไปจนทำให้เราติดอยู่กับความฝันลมๆ แล้งๆ ไม่ยอมรับรู้โลกความจริง และไม่ลงมือทำอะไร ดังนั้นเราต้องดูว่าเรามีความอดทนที่สมดุลหรือไม่ ใจร้อนเกินไปกับความคาดหวังที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่ หรือมีความอดทนเกินไปและมักนิ่งเฉยต่อปัญหาต่างๆ ความอดทนเป็นสิ่งที่ดี แต่ความอดทนโดยไม่มีแผนสำรองและไม่มีการกระทำใดๆ คือการเสียเวลาเปล่า


