posttoday

กลุ่มสหพัฒน์โตสวนเศรษฐกิจ

29 มิถุนายน 2558

บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง (SPI) บริษัทเพื่อการลงทุนของกลุ่มสหพัฒน์ ภายใต้การนำของ จันทรา บูรณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่

โดย...เจียรนัย อุตะมะ

บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง (SPI) บริษัทเพื่อการลงทุนของกลุ่มสหพัฒน์ ภายใต้การนำของ จันทรา บูรณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่มีบริษัทในเครือจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึง 19 บริษัท 5 ปีที่ผ่านมากำไรสุทธิเติบโตเกือบ 2 เท่า จาก 4,800 ล้านบาท เป็น 7,700 ล้านบาท เมื่อปี 2557 หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 13% ไตรมาสแรกที่ผ่านมามีกำไร 1,790 ล้านบาท เติบโต 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งที่เศรษฐกิจชะลอตัวแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ทั้งกลุ่มมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ทั้งสิ้น 1.1 แสนล้านบาท จาก 5 ปีก่อนมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 8.1 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตปีละ 11% อัตราผลตอบแทนปันผลรวม 3.1 หมื่นล้านบาท หรือ 3%

จันทรา กล่าวว่า ปี 2557 ที่ผ่านมากลุ่มมียอดขายขยายตัว 0.7% เทียบอัตราเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ที่โตเพียง 0.4-0.5% และกำไรลดลงเพียง 1%

อย่างไรก็ตาม ไตรมาสแรกปีนี้ผลการดำเนินงานดีขึ้นรายได้เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 924 ล้านบาท และมีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 22% เป็น 249 ล้านบาท โดยกลุ่มได้ปรับเปลี่ยนธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันสถานการณ์ โดยตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมาได้เน้นธุรกิจบริการที่ทำให้สัดส่วนรายได้เพิ่มจาก 10% มาเป็น 29% ของรายได้ทั้งหมด และลดธุรกิจสิ่งทอลงจาก 36% เหลือ 22% ที่เหลือเป็นธุรกิจอาหาร

2 ปีข้างหน้า (2558-2559) กลุ่มบริษัทจะมุ่งเน้นธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) โดยจะร่วมลงทุนกับบริษัท เซโนะ โฮลดิ้งส์ สร้างให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่ง ด้วยการร่วมทุนกับบริษัท ไทเกอร์ ดิสทริบิวชั่น แอนด์ โลจิสติกส์ เอ็มเค ตั้งบริษัท สหโลจิสติกส์ ดำเนินธุรกิจร่วมลงทุนในเมียนมาที่มีประชากร 53 ล้านคน และร่วมลงทุนธุรกิจโทรศัพท์มือถือกับบริษัท เจ มาร์ท เนื่องมาจากเมียนมามีอัตราการใช้มือถือ 100%

ด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จะร่วมลงทุนกับบริษัท สหโตคิว คอร์ปอเรชั่น สร้างเมืองญี่ปุ่นอย่างครบวงจร มีที่พักอาศัย 90 ยูนิต คาดว่าปีหน้าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่อาศัย และขยายสวนอุตสาหกรรมทั้งโซนเพื่อการศึกษาและโซนร้านค้าที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อเพิ่มช่องทางขายไปยังประเทศลุ่มแม่น้ำโขงโดยเฉพาะเมียนมา และชวนนักธุรกิจเมียนมาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น มีการฝึกอบรมคนทั้งด้านทักษะภาษาอังกฤษและเทคนิคด้านการค้า การเจรจาการค้าและการลงทุน

บุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล (ICC) จะมุ่งเน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยภายใน 1-3 ปีนี้จะเพิ่มเป็นกว่า 10% ของช่องทางขายทั้งหมดและกำลังมองหาพันธมิตรและคู่ค้าที่เป็นเจ้าของแบรนด์ในทุกธุรกิจ โดยจุดแข็งของเครือสหพัฒน์ คือ มีความใกล้ชิดผู้บริโภค เพราะมีพนักงานขายมากกว่าบริษัทอื่นจึงรู้ความต้องการของผู้บริโภค

เวทิต โชควัฒนา กรรมการรองผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล กล่าวว่า บริษัทขายสินค้ากว่า 100 แบรนด์  แบรนด์ที่เป็นพระเอกคือ บะหมี่ มาม่า และผงซักฟอกเปา และยังมีผ้าอ้อมเด็กยี่ห้อ จูน ที่กำลังเติบโตสูง โดยยอดขายสินค้าผ่านออนไลน์ยังน้อยแต่เติบโตสูง โดยเฉพาะสินค้าที่ขายปริมาณมากอย่าง น้ำดื่ม ขณะนี้มีช่องทางขายผ่านสาขา 40 แห่ง สิ้นปีจะเพิ่มเป็น 60 แห่ง และคาดว่าภายใน 3 ปีจะเพิ่มเป็น 1,000 แห่ง

บริษัทมีร้านค้าสะดวกซื้อลอว์สัน ที่ขายสินค้าทุกประเภทเน้นสินค้าพร้อมรับประทานในเมืองและเขตที่อยู่อาศัย นอกจากนั้นยังมีแผนลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ขณะที่สหพัฒนพิบูลจะขายสินค้าในประเทศเป็นหลัก

ธีรดา อำพันวงษ์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอซีซี (OCC) กล่าวว่า ผู้นำเข้าและผู้ขายเครื่องสำอางยี่ห้อ คัฟเวอร์มาร์ค ที่มีอัตราเติบโตยอดขายย้อนหลัง 3 ปี ปีละ 10% และเคเอ็มเออัตราเติบโตยอดขายย้อนหลัง 3 ปี ปีละ 5% โดยคัฟเวอร์มาร์คเป็นผลิตภัณฑ์ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดระดับบนอันดับหนึ่ง ส่วนเคเอ็มเอครองตลาดล่างถึงระดับบน

สำหรับแนวโน้มในระยะ 3 ปีข้างหน้า ธุรกิจด้านความสวยงามจะเน้นบริการพร้อมกับการขายเครื่องสำอางโดยพนักงานขายจะต้องสามารถแต่งหน้า นวดหน้า และรักษาผิวเป็น เพื่อความเชื่อมั่นต่อลูกค้า ซึ่งบริษัทจะต้องให้ความสำคัญกับการรักษาพนักงานขายให้มีความรักในบริษัทและรักในสินค้า

ล่าสุด OCC ได้เข้าไปซื้อกิจการร้านอีซี่คัท ที่ให้บริการตัดผมด้วยความรวดเร็วและสะอาดในราคาประหยัด

สุชัย รัตนเจียเจริญ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (TF) กล่าวว่า ปัจจุบันยอดขายบะหมี่มาม่าไม่เติบโต สิ้นปีนี้คาดว่ายอดขายจะทรงตัวใกล้หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ขณะนี้กำลังพิจารณาร่วมมือกับร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยอยู่ระหว่างการทำวิจัย เพราะบริษัทมีความรู้เรื่องเส้นและเครื่องปรุงอยู่แล้ว เพียงแต่พัฒนาให้ได้ต้นทุนที่ถูกลง

“ยอดขายต่างประเทศโตดีกว่าในประเทศ โดยโตถึง 20%” สุชัย กล่าว

ขณะที่ยังมีโอกาสขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะเมียนมาที่ยอดขายเติบโตเท่าตัว และโรงงานผลิตเต็มกำลัง จึงเตรียมขยายไปขายที่มัณฑะเลย์

ด้าน บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ (PB) กำลังนำเข้าเครื่องจักรเพื่อติดตั้งคาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 4 ปีหน้า ที่จะมีกำลังการผลิตทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 20% ไตรมาสแรกที่ผ่านมามีอัตราเติบโตดี เพราะคนบริโภคขนมปัง 45% และมีการกระจายสินค้าขนส่งสินค้าด้วยบริษัทเองผ่านร้านค้าที่มี 5 หมื่นแห่ง และขยายทุกปี ปีละ 1,000-2,000 แห่ง

ปีนี้คาดว่าอัตราเติบโตรายได้ 6-7% โดยปีนี้จะมีการออกสินค้าใหม่ 20 สินค้า จากปีที่แล้ว 17 สินค้า ปัจจุบันมียอดขายเดือนละ 600 กว่าล้านบาท

สำหรับแนวโน้มยอดขายไตรมาส 2 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาสแรกที่มียอดขาย 1,687 ล้านบาท และมีกำไร 270 ล้านบาท โดยมีโอกาสขยายตัวมากในประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะเมียนมา ลาว และกัมพูชา

บุญดี อำนวยสกุล ประธานกรรมการของไทยวาโก้ (WACOAL) กล่าวว่า ไตรมาสแรกปีนี้บริษัทมียอดขายเติบโต 13% หรือเป็น 1,004 ล้านบาท ทำให้คาดว่าปีนี้ยอดขายดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 3,782 ล้านบาท โดยบริษัทครองส่วนแบ่งการตลาดชุดชั้นในที่ขายในดีพาร์ตเมนต์สโตร์ 50% หรือ 2 หมื่นล้านบาท และเจาะตลาดกลางจนถึงระดับบน คู่แข่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์นอก มีสินค้าตั้งแต่รุ่นแม่ บราแม่ บราสำหรับผู้เป็นมะเร็งเต้านม เพราะแบรนด์บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นแกร่ง ปี 2557 มียอดขายในประเทศ 70% ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 75%

บริษัทเป็นผู้ผลิตชุดชั้นในวาโก้ส่งออกไปทั่วโลก โดยวาโก้ญี่ปุ่นเติบโตกว่าวาโก้ไทย 6-7 เท่า สำหรับในเมืองไทยมีมูลค่าขายทั้งปี 4,000 ล้านบาท และมีโอกาสโตทุกปีตามภาวะเศรษฐกิจ

ปัญหาค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้นเป็นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทำให้บริษัทมีแผนจะส่งสินค้าสำเร็จรูปที่โรงงานในไทย โดยร่วมทุนกับวาโก้ญี่ปุ่นไปลงทุนในเมียนมา โดยคาดว่าปีหน้าเมื่อโรงงานแล้วเสร็จจะร่วมทุนที่ย่างกุ้ง

ด้าน สุพจน์ ภควรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนูลักษณ์ (TNL) ผู้ผลิตและขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปส่งออกกว่า 30% ไปยุโรป สหรัฐ ที่ตลาดซบเซาจึงร่วมมือกับคู่ค้าส่งออกสินค้าไปขายประเทศลุ่มแม่น้ำโขง มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ปัจจุบันบริษัทมีเสื้อผ้าสำเร็จรูป 30 แบรนด์ มียอดขายปีละ 2,000 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าหมายเติบโต 5-6%

สำหรับไตรมาสแรกปีนี้มียอดขายและกำไรใกล้เคียงปีก่อน โดยมีรายได้ 542 ล้านบาท กำไร 40 ล้านบาท โดยแบรนด์สินค้าที่ขายดีคือ แอร์โรว์ กีลาโรช เป็นต้น

เจริญ เจริญวัฒนาสุขสม ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ประชาอาภรณ์ (PG) คาดว่าบริษัทจะมียอดขายปีนี้ 1,200 กว่าล้านบาท โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมามียอดขาย 365 ล้านบาท โตกว่าปีก่อนเล็กน้อย

อาณัติ รัตนปฏิมากร กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท เท็กซ์ไทล์เพรสทีจ (TPCORP) กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของบริษัทได้ผลิตวัตถุดิบสิ่งทอชุดชั้นในวาโก้ จากนั้นแตกตัวออกมาผลิตวัตถุดิบแฟชั่น และสิ่งทอไม่ใช่แฟชั่น จนมาถึงเป็นวัตถุดิบสิ่งทอรถยนต์ โดย 10 ปีที่ผ่านมาไม่มีการเติบโต ปีนี้คาดว่าจะมียอดขาย 2,000 ล้านบาท จากปี 2557 ที่มียอดขาย 1,889 ล้านบาท ไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทมียอดขาย 491 ล้านบาท ไตรมาส 2 คาดว่าคงได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ปณิธาน ปวโรฬารวิทยา ประธานกรรมการ บริษัท บูติคนิวซิตี้ (BTNC) กล่าวว่า บริษัทขายผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูป ปัจจุบันเศรษฐกิจชะลอตัว ความนิยมคนเปลี่ยน ปีนี้ปรับโครงสร้างหันมาเน้นขายยูนิฟอร์มขายแอฟริกา ปี 2557 บริษัทมียอดขาย 1,072 ล้านบาท และขาดทุน 5 ล้านบาท

พิภพ โชควัฒนา รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท นิวซิตี้ (กรุงเทพฯ) หรือ NC กล่าวว่า บริษัทขายถุงน่อง เน้นถุงน่องตัวใหม่ไม่ขาดง่าย ปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 750 ล้านบาท จากปีก่อนมียอดขาย 648 ล้านบาท กำไร 29 ล้านบาท

ข่าวล่าสุด

LIVE ถ่ายทอดสด บุรีรัมย์ พบ การท่าเรือ ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68