ถอดเคล็ดลับธุรกิจ โลจิสติกส์ ‘อินทรา แม่โขง’
การให้บริการขนส่งสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และการขนส่งสินค้าข้ามแดน
โดย...ปรียนิจ กุลตั้งเจริญ
การให้บริการขนส่งสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และการขนส่งสินค้าข้ามแดน เป็นธุรกิจบริการที่เติบโตขึ้นตามปริมาณการค้าชายแดน และการค้าภายในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการชาวไทยทำธุรกิจและขยายฐานการขนส่งสินค้าไปทั่วกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง
อรนุช ผการัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินทรา แม่โขงผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ กล่าวว่า บริษัท อินทรา แม่โขงมีบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศกัมพูชาอีกทั้งยังมีสาขาในเมืองไทย รวมถึงสำนักงานตัวแทนใน สปป.ลาว และพม่า ซึ่งให้บริการธุรกิจที่หลากหลายทั้งการขนส่งสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน การขนส่งสินค้าผ่านแดน การขนส่งสินค้าทางอากาศ ตัวแทนสายการบิน บริษัทท่องเที่ยว เป็นต้น
สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์การขนส่งสินค้าทางถนน ปัจจุบันให้บริการขนส่งสินค้าจากไทย-กัมพูชา ไทย-ลาว ไทย-พม่า และกัมพูชา-เวียดนาม ซึ่งการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศได้ถูกปรับปรุงให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งถนนที่ใช้ในการเดินรถได้ถูกปรับปรุงอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขนส่ง
สินค้าส่วนใหญ่ที่ขนส่งทางถนนไปยังประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม จะเป็นสินค้าในกลุ่มปิโตรเลียม สินค้าเร่งรีบ เช่น สินค้าแฟชั่น สายผูกรองเท้า ซิป กระดุม เพื่อนำไปตัดเย็บเป็นสินค้าสำเร็จรูปในประเทศปลายทาง และสินค้าเกษตร ซี่งมีทั้งการขนส่งผ่านชายแดน และการขนส่งข้ามแดนไปยังประเทศที่สาม โดยสินค้าข้ามแดนส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ถูกส่งมาจากยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ผ่านประเทศไทย และส่งต่อไปยังกัมพูชา พม่า และลาว
ทั้งนี้ การขนส่งสินค้าข้ามแดนระหว่างไทย-ลาว เป็นประเทศที่มีการขนส่งราบรื่นมากที่สุด เนื่องจากรัฐบาลทั้งสองประเทศได้ทำข้อตกลงร่วมกัน ส่วนประเทศอื่นอย่างพม่าและกัมพูชายังคงมีขั้นตอนซับซ้อนและไม่ชัดเจน ต่างจากสิงคโปร์ที่เป็นประเทศผู้ให้บริการอย่างแท้จริง การทำเรื่องขนส่งผ่านแดนจากประเทศสิงคโปร์มีความรวดเร็วมาก เพราะกฎระเบียบชัดเจน และเอื้ออำนวยให้เกิดการขนส่งอย่างง่ายดาย ทำให้มีผู้เข้าไปใช้บริการการขนส่งข้ามแดนจากประเทศสิงคโปร์เป็นจำนวนมาก
จากการให้บริการอยู่ในประเทศกัมพูชามาเป็นระยะเวลานาน มองว่าธุรกิจการให้บริการโลจิสติกส์ภายในกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม (ซีแอลเอ็มวี) มีการแข่งขันสูง ซึ่งหากจะแข่งขันกันด้วยราคาอาจจะสู้ไม่ได้ แต่บริษัทมีจุดขายเรื่องประสบการณ์ยาวนานในประเทศกัมพูชา นำความรู้ การให้บริการที่รวดเร็ว และถูกต้อง มาเป็นจุดขายเพื่อแข่งขันในตลาด
อรนุช อธิบายต่อว่า ปัจจุบันตลาดกัมพูชามีผู้ให้บริการรายใหญ่เข้ามาทำธุรกิจมากขึ้น ซึ่งการทำงานในกัมพูชาถือว่าเป็นเรื่องยาก เนื่องจากกฎหมาย ข้อมูลต่างๆ ยังไม่ชัดเจน ผู้ที่มีประสบการณ์ในตลาดยาวนานกว่าจะได้เปรียบ
“ตอนนี้เจ้าตลาดผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ คือ ผู้ให้บริการจากสิงคโปร์ ที่ครองตลาดโลจิสติกส์ในไทย กัมพูชาไว้ ซึ่งบริษัทขนาดเล็กยังสามารถแข่งขันได้ แต่สู้ไม่ได้เต็มที่ เนื่องจากนักลงทุนสิงคโปร์มาพร้อมกับเงินทุนและนโยบายของประเทศสิงคโปร์ที่เอื้ออำนวยในทุกด้าน”
สำหรับภาพรวมการลงทุนในกัมพูชานั้น ขณะนี้มีคนไทยเข้าไปทำธุรกิจในกัมพูชาจำนวนมากขึ้น และในอนาคตจะเพิ่มมากขึ้นอีก เพราะในกัมพูชายังขาดแคลนทุกอย่าง ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ที่จะเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศกัมพูชา อีกทั้งยังเป็นโอกาสของบริษัทขนส่งที่จะเข้ามาให้บริการ
ในฐานะที่คร่ำหวอดในตลาดกัมพูชามานานกว่า 30 ปี อรนุชแนะนำว่า นอกจากธุรกิจผลิตสินค้าอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภคแล้ว ธุรกิจที่เป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่ยังเข้าไปทำน้อย ได้แก่ การรับงานโครงการขนาดใหญ่ของกัมพูชา เช่น รับงานสัมปทานจากรัฐบาล โครงการแท่นขุดเจาะพลังงานซึ่งการทำงานโครงการใหญ่เป็นอีกกลุ่มธุรกิจที่นักลงทุนไทยมีความสามารถ ส่วนกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ผู้ประกอบการไทยได้เข้าไปดำเนินการเรียบร้อยแล้ว
“การเข้าไปลงทุนในตอนนี้ยังคงไม่สายเกินไป เพียงแต่ผู้ประกอบการต้องรู้ว่าสินค้าที่จะเข้าไปจำหน่ายหรือผลิต เป็นที่ต้องการของตลาดหรือไม่” อรนุช กล่าว
ทั้งนี้ กัมพูชาถือว่าเป็นประเทศที่เปิดเสรีมากทางด้านการลงทุนมีการกีดกันน้อยมาก หลายธุรกิจนักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของได้ 100% เช่น ธุรกิจค้าปลีก การทำโลจิสติกส์ ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก เป็นต้น อีกทั้งยังไม่มีการกำหนดอาชีพที่ต่างชาติห้ามทำอีกด้วยส่วนการจะเข้าไปทำธุรกิจและหาพันธมิตรท้องถิ่น คงจะต้องขึ้นอยู่กับแต่ละธุรกิจ และการตัดสินใจของนักลงทุน
นอกจากนี้ นักลงทุนหลายรายเป็นกังวลเรื่องการสื่อสาร ซึ่งในกัมพูชาสามารถใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้ทั่วไป และใช้ภาษาอังกฤษเขียนจดหมายราชการได้ โดยไม่ต้องแปลเป็นภาษากัมพูชา แต่หากผู้ประกอบการรู้ภาษาท้องถิ่นย่อมมีความได้เปรียบกว่าแน่นอน เพราะจะสื่อสารทำความเข้าใจได้ง่ายกว่า ส่วนวัฒนธรรมการทำธุรกิจในกัมพูชาก็คล้ายกับประเทศไทย


