ยานอวกาศบุกโลก "Honda NM-4" แรงบันดาลใจจากงานแอนิเมชั่นที่ทำได้จริง
"Honda NM-4" มอเตอร์ไซค์คอนเซ็ปต์ใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแอนิเมชั่น “AKIRA”
เรื่อง: ภรวิธ เศรษฐบุตร, ภาพ: Ravan Studio
ที่งาน 30th Osaka Motorcycle Show 2014 จัดขึ้นที่มหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ฮอนด้า เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์คอนเซ็ปต์ใหม่ที่สร้างความฮือฮาด้วยการออกแบบที่ดูล้ำไปใน อนาคตซึ่งโมเดลนี้มีชื่อว่า “NM-4” หรือที่เมืองนอกใช้ชื่อเต็มว่า Honda NM-4 Vultus จากทีมออกแบบวัยรุ่นของฮอนด้าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถมอเตอร์ไซค์ในแอนิเมชั่น สไตล์ Sci-Fi ยอดฮิต “AKIRA” นั่นเอง ถึงตรงนี้ก็เข้าใจอะไรได้ไม่ยาก
Honda NM-4 ถูกออกแบบให้มีแฟริ่งที่ล้ำไปในอนาคตอย่างเห็นได้ชัด มันเก็บ ทุกอย่างไว้ภายในไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 750ซีซี (ข้อมูลจาก ฮอนด้า บิ๊กไบค์) 4 จังหวะ สองสูบเรียง จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งเป็นเครื่องเดียวกันกับ Honda CTX750 มาพร้อมระบบเกียร์ DCT (Dual Clutch Transmission) เป็นทั้งออโตเมติกและสามารถ เลือกใช้การควบคุมด้วยปุ่มกด เปลี่ยนเกียร์ได้ กระจกมองหลัง Built-in ไปในแฟริ่งหน้าเช่นเดียวกับไฟเลี้ยวซ้ายและขวา ทำให้ Honda NM4 นั้นดู เรียบมากแต่มี “ออร่า” ของงานดีไซน์ที่มาจากแฟริ่งรอบคันทำให้ มองแทบไม่เห็นตัวเครื่องยนต์นั่นเอง
ตามคอนเซ็บ NM-4 และการเป็นรถออโตเมติกสไตล์สกู๊ตเตอร์แบบนี้ ช่วงล่างต้องพร้อมรับมือและ Honda NM-4 จัดโช๊คหน้าแบบเทเลสโคปิคขนาด 43มม. มาให้ โช๊คหลังเดี่ยวแบบ Pro-Link ตามสูตร ใช้ดิสค์เบรค ABS หน้าและหลัง จานดิสค์หน้าเดี่ยวขนาด 320มม. จานหลังขนาด 240มม. ใช้ยางขนาด 120/70/18 หน้า ส่วนยางหลังอวบๆ ขนาด 200/50/17 เบาะนั่งขนาดใหญ่สบายก้น สูงจากพื้นเพียง 65ซม วางเท้าสองข้างบนพื้นถนนสบายๆ ส่วนที่วางเท้าถูก วางตำแหน่งไปด้านหน้ารถบังคับ ท่านั่งให้เป็นสไตล์ครุยเซ่อร์ มีพนักพิงที่ปรับระดับได้หลายระดับโดยดัดแปลงจาก เบาะคนซ้อนให้ใช้งานได้สองแบบ แผงหน้าปัดหรูหราอ่านค่าง่ายแถมยังเปลี่ยนสีได้ถึง 25 เฉดสี ชิวหน้าติดรถถอดทำความสะอาดได้ไม่ยากมีน๊อต 6 เหลี่ยมเพียง 4 ตัวขวาง อยู่เท่านั้น
Riding Honda NM-4
รถน้ำหนัก 245 กิโลกรัม ถือว่าหนักพอดูแต่กลับไม่เป็นปัญหาสำหรับการใช้งาน ปรกติผมต้องจอดแล้วเข็นแต่ด้วยช่วงรถที่ยาวการใช้วิธีคร่อมรถแล้ว ใช้เท้าเข็น จะดูง่ายกว่า กดปุ่มสตาร์ตเครื่องจะบังคับเข้าเกียร์ว่างทุกครั้ง กดปุ่ม D เพื่อเข้าสู่โหมด ออโตเมติก 6 สปีด รู้สึกได้ถึงเครื่องยนต์ที่นื่มนวลแม้จะมีเสียงกวนใจบ้างจากการทำงาน ของระบบ DCT ที่ดังครึ่กครั่กตลอดเวลาแต่นั่นก็เป็นธรรมชาติของการทำงานระบบนี้
ภารกิจครั้งนี้กับ Honda NM-4 คือการออกไปทริปท่องเที่ยวกับทีม survey เส้นทางของ กลุ่ม “Siam Motorbike” ทีต้องขอบคุณเพราะ ทราบมาว่ามีทุกรสทั้งทางดำ และทางฝุ่น ซึ่งจะได้รู้กันว่า NM-4 นั้นจะรอดไหมกับทางฝุ่น ในครั้งนี้ เพราะในประเทศไทย รถควรทำได้หลายแบบตามสภาพถนนที่เรียกว่า “รื้อทำใหม่” ตลอดเวลาจริงใหมครับ?
การเดินทางครั้งนี้ไปกันสี่คันครับ มีไกด์กิติมศักดิ์ คุณสุกี้ กมล สุโกศล แคลปป์ ควบรถ “วิบากยักษ์” KTM 990 Adventure คู่ใจ ช่วยพาไปบนเส้นทางกว่า 700 กม. จาก กรุงเทพฯ ไปอุทยาน แห่งชาติแก่งกระจาน ผ่านเขาพะเนินทุ่ง ลัดเลาะไปออกที่อุทยานแห่งชาติ ป่าละอู นั้นเน้นๆ มีครบทุกรสชาติ อีกสองท่านคือ คุณนก หรือ “ครูนก” มาแชลฝีมืออันดับต้นๆ ที่จากกลุ่ม “Snail Line” มากับ Suzuki V-Strom 1000 และที่ขาดไม่ได้คือ พี่โจ นิกสิทธิ์ วงสวัสดิ์ Thailand Motographer Kup-Thai ที่จัดรูปสวยๆ มาให้ครั้งนี้กับ KTM 1290 Adventure ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นของแปลกทันทีเมื่อเห็นรถของ ผู้ร่วมทริป สู้โว้ย!
เมื่อออกเดินทางรู้สึกได้เลยว่าช่วงล่างเป็นรอง รถ Adventure ทั้งสามหลายขุม ซึ่งก็แน่ล่ะครับแต่ก็ไม่ขี่เหร่ทำความเร็วเกาะกลุ่มได้ ส่วนตัวคิดว่าน้ำหนักตัวที่ 64 กก. นั้นมีส่วนทำให้รถมีอาการ “เด้ง” เมื่อเจอสภาพถนนขรุขระทำให้ก้นลอยจากเบาะบ่อยครั้ง ผมรู้เลยว่าถ้าแบกสัมภาระ อาการนี้จะไม่มีเพราะน้ำหนักที่มากขึ้นและเมื่อรู้ว่ามี อุปกรณ์เสริมที่มาพร้อมกระเป๋าข้างด้วยแล้วก็เข้าใจว่าเขาออกแบบเผื่อมาไว้ระดับ หนึ่ง ถ้าเจ้าของไม่ซื้อกระเป๋าเพิ่มก็คงต้องลองหาวิธีเซทช่วงล่างให้เหมาะกับคนขี่ครับ แน่นอนว่าน้ำหนัก 64 กก.กั บ 80 กก. ไม่น่าที่จะต้องเหมือนกัน
การทำงานของเกียร์ DCT จะเปลี่ยนที่รอบต่ำๆ ในบางครั้งอาจจะเพื่อความประหยัด สำหรับโหมด “D” หากต้องการลากรอบสูงเขาคิดแทนให้เลยครับว่าจะเปลี่ยนที่รอบ กลางๆ อาจจะทำความเข้าใจกับระบบนี้ในตอนแรกซึ่งจะทำงานตามรอบเครื่องซึ่งมันมอง สถาณการณ์ไม่ได้เหมือนคนเช่น เวลาเข้าโค้งเกียร์ยังทำงานปรกติจัดให้ในโค้งเลย มีไม่ชินบ้างเพราะเราไม่ค่อยเปลี่ยนเกียร์ในโค้ง แต่ข้อดี ของมันคือเป็นการเปลี่ยนเกียร์ ที่นิ่มนวลไม่มีอาการที่ส่อถึงการไฮไซด์ ปลอดภัยดีครับ
เบื่อโหมด “D” ก็กดปุ่มขวามือเปลี่ยนเข้าโหมด “S” ซึ่งเป็นระบบ “Shift on the fly” ที่ฮอนด้าคิดค้นขึ้น เอาล่ะครับ เริ่มเพิ่มดีกรีความมันส์ ขึ้นอีกเพราะระบบนี้ก็คือโหมด “Sport” นั่นเอง ซึ่งส่วนตัวผมชอบมาก ลากรอบได้ยาวๆ และเลือกจังหวะสับเกียร์ได้ ตามใจต้องการ แต่เมื่อใช้รอบต่ำ เกียร์ยังเปลี่ยนให้เองเหมือนเดิมครับ งงๆ จะชินไปเองได้อีกเหมือนกัน แต่…. โหมด “S” นี่แหละคืออาวุธสำคัญของ NM-4 ครับ เพราะสามารถ ชิฟท์เกียร์ลงเพื่อใช้ Engine Brake ได้ ไม่จะไม่เยอะเหมือนเครื่อง L-Twin หรือ V-Twin แต่ก็ใช้งานได้ดีเมื่อผสมผสานกับระบบเบรค ABS ที่ให้มาทำให้โดยรวม NM-4 เป็นรถให้ความปลอดภัยค่อนข้างสูง
ด้วยความ “ซน” ของพี่สุกี้ที่อยากไปทางฝุ่นทำให้ NM-4 ต้องตามติดไปด้วยใจล้วนๆ เพราะ 30 กม. ในทางฝุ่นที่สักพักมีฝนตกลงมานั้น ทำให้มันเป็นเลนนิดๆ ด้วยซ้ำ แถมมีขึ้นและลงเนินที่ชันพอสมควร เมื่อรับบรีฟแบบนี้ผมลองกดเบรคหนักๆ ก่อนเลยปรากฏว่าไม่มีอาการล้อล็อคแต่อย่างใดอุ่นใจขึ้นเยอะ และเมื่อต้องลุยผ่านทาง endure ที่ไม่โหดมากนัก NM-4 ก็ผ่านไปได้ฉลุย ส่วนหนึ่งคือการใช่โหมด “S” เพื่อควบคุมรอบเครื่องยนต์โดยเฉพาะตอนลงเขาที่เป็นฝุ่น ต้องใช้วิธิชิพเกียร์ลงต่ำ ซ้ำบ่อยๆ เพื่อใช้รอบเครื่องช่วยหยุดรถขณะลงเขา เพราะเกียร์จะบังคับเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้น ตลอดเวลา ดีใจที่มีข้อมูลนี่มาฝากผู้อ่าน Post Today Online นะครับ ต้องขอบคุณพี่สุกี้ด้วยที่แนะนำเส้นทางสนุกๆ แบบนี้ นี่คือการพักผ่อนระหว่างการ เข้าห้องซ้อมก่อนมีคอนเสิร์ตใหญ่ของการกลับมาของวง “พรู” นั่นเอง
ออกจากสภาพทาง endure เราวิ่งเลาะไปตามถนน local road จากช่วง “โครงการช่างหัวมัน” จังหวัดเพชรบุรี รู้สึกเมื่อยก็ปรับพนักพิงขึ้นมาให้หลังได้พัก ระหว่างการขับขี่เข้าอุทยานแห่งชาติป่าละอูที่เต็มไปด้วยโค้งและซึ่งการเข้าโค้งของ NM-4 นั้นมีอาการ “ดื้อ” นิดๆ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะยางสไตล์ครุยเซ่อร์ และช่วงรถที่ค่อนข้างยาว ซึ่งผมไม่คิดว่าเป็นอุปสรรคอันปรับตัวให้เข้ากันได้ไม่ยาก
บทสรุปง่ายๆ
Honda NM4 เป็นรถที่ออกแบบมาให้ขับขี่ง่ายตาแบบฉบับของฮอนด้าครับและ การนำ งานออกแบบที่มีคอนเซ็ปต์มาจากรถมอเตอร์ไซค์ของตัวละครของ แอนิเมะ “AKIRA” ของญี่ปุ่นมาเป็นหัวหอกในการนำเสนอนั้นเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นและเป็นสิ่งที่บ่งบอกตัวตน ด้านหนึ่งของพวกเขาเลยทีเดียว
ฮอนด้าพัฒนาระบบ DCT มานานก่อนใครและดูเหมือนจะมีความเชื่อที่ไม่เคย หยุดซึ่งหากมองถึงประโยชน์ของมันที่ชัดเจนที่สุดก็คือ หากเกิดอุบัติเหตุขณะออกทริปการ ไม่มีก้านคลัทช์นั้นช่วยได้เพราะไม่จำเป็นต้องใช้ (แบบเดิมถ้าก้านคลัทช์หักก็ขี่ต่อ ไม่ได้ครับ) ส่วนทางด้านขวาหากก้านเบรคที่มืหรือแป้นเบรคที่เท้าขวา อันใดอันหนึ่ง เสียหาย ก็ยังใช้ได้ในการขี่กลับบ้านครับ นี่แหละประโยชน์ของระบบนี้
ถามว่าสำคัญใหมลองนึกสภาพรถล้มแปะบนเขาที่สัญญานโทรศัพท์ใช้งานไม่ได้ดูสิครับ ถ้าเรายังพอขี่รถได้เราก็ออกจากป่าได้ครับ แต่ถังน้ำมันขนาด 11.6 ลิตรนั้นน้อย ไปนิดจะออกทริปกับใครต้องบรีฟกันก่อนครับไม่งั้นงานเข้า
Honda NM4 คุณจะสนุกกับการแต่งตัวให้เข้ากับรถและถ้าคุณเป็นเจ้าของมันคุณจะ เด่นมากบนท้องถนนครับเพราะดีไซน์ของมันที่หลุดๆ ออกมาจากโลกแอนิเมชั่นนั่นเอง!
ขอบคุณ คุณยุทธนา มั่งคั่ง Honda Big Wing www.hondabigwing.com คุณนิกสิทธิ์ วงศ์สวัสดิ์ www.facebook.com/ravanstudio คุณนก สิทธิธัช ฤทธิไกรรณการ [email protected] และ คุณ สุกี้ กมล สุโกศล แลปป์ www.dreamchaserthai.com
Honda NM4 ราคา 529,000 บาท www.aphonda.co.th
****************************
2015 Honda NM4 Base Specifications
ENGINE:
Engine Type Parallel Twin
Cylinders 2
Engine Stroke 4-Stroke
Cooling Liquid
Valves 8
Valves Per Cylinder 4
Valve Configuration SOHC
Compression Ratio 10.7:1
Starter Electric
Fuel Type Gas
TRANSMISSION:
Transmission Type Manual / Automatic Clutch
Number Of Speeds 6
Primary Drive (Rear Wheel) Chain
WHEELS & TIRES:
Front Tire (Full Spec) 120/70 ZR18
Rear Tire (Full Spec) 200/50 ZR17
BRAKES:
Front Brake Type Hydraulic Disc
Rear Brake Type Hydraulic Disc
TECHNICAL SPECIFICATIONS:
Wheelbase (in/mm) 64.7 / 1643.4
Fuel Capacity (gal/l) 3 / 11.4


