posttoday

6 กองทุน Health Care น่าลงทุน

14 เมษายน 2558

โดย...ธนัฐ ศิริวรางกูร

โดย...ธนัฐ ศิริวรางกูร

ตั้งแต่ปลายปี 2555 เป็นต้นมา ก็มีคนพูดถึงสังคมผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเตรียมตัวในวัยเกษียณ โดยเน้นไปที่การดูแลสุขภาพ และดูเหมือนว่าหลายประเทศทั่วโลกก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น สำหรับนักลงทุนแล้วการลงทุนในธุรกิจกลุ่ม Health Care ต่างๆ จึงน่าสนใจลงทุนในระยะยาว เพราะว่ามูลค่าที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับสังคมผู้สูงอายุที่กำลังจะเข้ามานั้น น่าจะทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของกลุ่มธุรกิจนี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่น่าสงสัยเลยครับ ดังนั้น วันนี้เราจะมาดูกันครับว่ามีกองทุนกลุ่ม Health Care ตัวไหนบ้างที่น่าสนใจ และมีความแตกต่างกันอย่างไร

1.BCARE ของ บลจ.บัวหลวง - เป็นกองทุนด้าน Health Care กองทุนแรก และเป็นกองทุนที่ประสบความสำเร็จในแง่ของผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว ซึ่งกองทุนนี้ได้ไปลงทุนกับกองทุน Master Fund อย่าง WellingtonManagement Portfolios (Dublin) Plc. Global Health Care Equity Portfolio โดยกองทุนนี้การลงทุนในอุตสาหกรรม Global Health Care ที่มีศักยภาพสูงในอนาคต โดยเฉพาะกับกลุ่มที่เป็น Biotech ในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง ทำให้ผลตอบแทนที่ดี เมื่อเทียบกับกองทุนอื่นๆ ครับ โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 3 ปี และ 5 ปีนั้นอยู่ที่ปีละประมาณ 20% เลยทีเดียว

2.UGH ของ บลจ.ยูโอบี - กองทุนนี้เป็นกองทุนลูกพี่ลูกน้องของทาง BCARE ที่ผมบอกแบบนี้ก็เพราะว่าถึงแม้กองทุนนี้จะลงทุนในกองทุน United Global Health Care Fund ก็ตาม แต่กองทุนนี้ก็ถูกบริหารงานโดย WellingtonManagement เหมือนกับกับกองทุน BCARE นั่นเอง ดังนั้น พอร์ตการลงทุนก็จะคล้ายๆ กันครับ อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บ

3.KF-HEALTHD และ KFHCARE-RMF ของ บลจ.กรุงศรี - กองทุนนี้เป็นกองทุนที่ค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากพอร์ตการลงทุนนั้นจะต่างจากกองทุน BCARE อย่างเห็นได้ชัดเจน ทั้งนี้ก็เพราะว่า Master Fund ของกองทุนนี้คือJPMorgan Funds - Global Health Care Fund ที่จะเน้นการลงทุนในหุ้นบริษัทยาเป็นหลักและเลือกหุ้นจากพื้นฐานที่ดี และสัดส่วนรองลงมาก็คือกลุ่มธุรกิจ Biotech ที่เน้นการเติบโตซึ่งผมเองก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับบริษัทที่อยู่ในกองทุนนี้มากกว่า เพราะเป็นบริษัทยาที่อยู่มาค่อนข้างนาน และมีพื้นฐานทางการเงินที่ดี

4.K-GHEALTH ของ บลจ.กสิกรไทย - เป็นกองทุนฝาแฝดของKF-HEALTHD จากกรุงศรีครับ เพราะว่าไปลงทุนในกองทุน Master Fund กองทุนเดียวกัน แต่จะต่างกันในเรื่องของค่าธรรมเนียมเล็กน้อย และเรื่องการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินครับ

5.MS-HCARE-A, D ของ บลจ.แมนูไลฟ์ - เป็นกองทุนที่ทาง บลจ.แมนูไลฟ์ เป็นคนบริหารเองครับ เนื่องจากเป็น บลจ.ที่มีสาขาอยู่หลายประเทศ และมีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมาย ทำให้สามารถลงทุนได้ด้วยตนเองได้ไม่ต้องไปพึ่งการลงทุนใน Master Fund ตัวอื่นๆ จึงเป็นกองทุนที่น่าสนใจ และคัดเลือกหุ้นในกลุ่ม Health Care คัดหุ้นที่พื้นฐานดีเช่นเดียวกันกับ JP-Morgan ดังนั้นสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มบริษัทยาต่างๆ จึงมีสัดส่วนค่อนข้างสูงทีเดียวครับ จากนั้นจึงเป็นหุ้นกลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ และที่น่าประหลาดใจก็คือสัดส่วนหุ้นในกลุ่ม Biotech นั้นกลับน้อยที่สุดในกองทุน Health Care ด้วยกันครับ

6.PHATRA GHC ของ บลจ.ภัทร - เป็นกองทุนเก่าแก่อันดับที่ 2 รองจาก BCARE ครับ ผลการดำเนินงานก็ไม่น้อยหน้าทีเดียว แต่กองทุนนี้ค่อนข้างจะแปลกกว่ากองทุนอื่นๆ ในกลุ่ม Health Care ด้วยกันครับ เนื่องจากว่าเป็นการผสมระหว่างการลงทุนแบบ Active และ Passive เข้าด้วยกัน คือ กองทุนนี้ไม่มีกองทุน Master Fund ที่ไปลงทุนด้วย แต่จะลงทุนแบบการคัดเลือก (Active) กองทุน ETF (Exchange-Traded Fund หรือเป็นการลงทุนกับหุ้นทุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม) ในกลุ่ม Health Care เช่น ETF ของกลุ่มบริษัทยา และ ETF ของบริษัท Biotech ต่างๆ ซึ่งสัดส่วนปัจจุบันนั้นก็เน้นไปในทาง Biotech มากกว่ากลุ่มอื่นๆ ครับ ซึ่งข้อดีของการลงทุนผ่าน ETF ก็คือมีการกระจายความเสี่ยงไปในตัวด้วย เพราะว่าถ้าเป็นการเลือกลงทุนในหุ้นเดี่ยวๆ ย่อมมีความเสี่ยงมากกว่านั่นเองครับ

สรุป การลงทุนในกองทุนกลุ่ม Health Care นั้นเองก็มีความเสี่ยงระยะสั้นจากราคาหุ้นที่ขึ้นมาค่อนข้างสูงแล้ว แต่แนวโน้มระยะยาวๆ แล้วก็ยังน่าสนใจเพราะว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากตามภาวะสังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนแนวคิดในการลงทุนกับกองทุนกลุ่มนี้ก็คือ กลุ่มอุตสาหกรรมนี้จะคล้ายๆ กับการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี จะสังเกตได้ว่าถ้ามียาตัวใหม่ๆ ถูกคิดค้นขึ้น ยาตัวเก่าๆ ก็อาจจะมียอดขายที่ลดลง และถ้ายิ่งบริษัทไหนมีการจดสิทธิบัตรไว้ด้วยละก็จะได้กำไรจากการขายยาหรือวัคซีนสูงตามไปด้วย ทั้งนี้การลงทุนในบริษัทใหญ่ๆ ก็น่าจะมีความปลอดภัยมากกว่า เนื่องจากฐานะทางการเงินที่ดี รวมถึงมีโอกาสที่จะควบรวมกิจการกับบริษัทเล็กๆหรือห้องแล็บเล็กๆ ที่สามารถผลิตยาตัวใหม่ๆ ได้ ซึ่งก็คล้ายๆ กันกับธุรกิจโรงพยาบาลในบ้านเราที่มีการควบรวมกิจการอยู่บ่อยๆ

ข่าวล่าสุด

สุวรรณภูมิคุมเข้ม "โดรน" รบกวนการบิน งัดระบบ Anti-Drone สกัด