posttoday

เดอะมอลล์ยึดรามอินทรา ต่อจิ๊กซอว์สู้ศึกค้าปลีก

11 มีนาคม 2558

ปี 2558 นี้ เดอะมอลล์ยังคงเปิดฉากรุกขยายธุรกิจค้าปลีก เดินหน้ากว้านหาทำเลทองรอบทิศที่มีศักยภาพสำหรับการผุดศูนย์การค้า หรือห้างสรรพสินค้า

โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

ปี 2558 นี้ เดอะมอลล์ยังคงเปิดฉากรุกขยายธุรกิจค้าปลีก เดินหน้ากว้านหาทำเลทองรอบทิศที่มีศักยภาพสำหรับการผุดศูนย์การค้า หรือห้างสรรพสินค้า ซึ่งล่าสุด ย่านรามอินทรากลายเป็นจิ๊กซอว์ตัวใหม่ เพื่อปิดจุดบอดและไล่กวดคู่แข่งอย่างเซ็นทรัล

ไพบูลย์ กนกวัฒนาวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า เดอะมอลล์จะเดินหน้าผุดศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ลงทุนเช่าพื้นที่ 100 ไร่ ระยะเวลา 30 ปี บริเวณรามอินทรา เพื่อผุดศูนย์การค้าโซนตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งหลังจากเปิด ดิ เอ็มควอเทียร์ ในวันที่ 27 มี.ค.แล้วเสร็จ จะเริ่มวางแผนนำที่ดินดังกล่าวมาสร้างเป็นศูนย์การค้า และจะส่งผลให้เดอะมอลล์กรุ๊ป มีศูนย์การค้าครอบคลุม 4 มุมเมืองยิ่งขึ้น

ปัจจุบันในย่านรามอินทรา มีคู่แข่งค้าปลีกที่สำคัญเข้าไปยึดพื้นที่ ได้แก่ เซ็นทรัล สาขารามอินทราช่วงต้นถนน นอกจากนี้ยังมีแฟชั่นไอส์แลนด์ และเดอะมอลล์กำลังเป็นค้าปลีกแห่งใหม่ที่เข้าไปช่วงชิงกำลังซื้อของกลุ่มคนเมืองในทำเลดังกล่าว จากก่อนหน้านี้ได้เข้าพัฒนาที่ดินบริเวณสี่แยกบางนามากกว่า 100 ไร่ เพื่อก่อสร้างศูนย์การค้าบางกอกมอลล์ ในโซนตะวันออก

เหตุผลที่เดอะมอลล์ยังยึดพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นชัยภูมิที่สำคัญเป็นหลัก เพราะเป็นเมืองหลวงของไทย และศูนย์กลางของธุรกิจในตลาดอาเซียน อีกทั้งจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มากกว่า 15 ล้านคน ขณะที่การขยายเมืองในตลาดต่างจังหวัดของไทยยังค่อนข้างช้า และต้องใช้เวลาสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ เพื่อให้ขยายตัวสู่ความเป็นเมือง

นอกจากนี้ ยังพบว่า ทิศทางค้าปลีกแต่ละค่ายเริ่มแข่งขันกันสร้างโซนค้าปลีกขึ้น โดยในย่านราชประสงค์จนถึงสยามถือว่าเป็นดาวน์ทาวน์ (Downtown) และโซนสุขุมวิทจะกลายโซนมิดทาวน์ (Midtown) ส่วนย่านบางนากำลังพยายามสร้างให้เป็นลาสต์ทาวน์ (Last town) หรือเป็นสถานที่ช็อปปิ้งก่อนที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางกลับไปยังต่างประเทศ นั่นคือแนวรบของธุรกิจค้าปลีกไทยเวลานี้

เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยังมีที่ดินพร้อมจะพัฒนาค้าปลีกอีกหลายแห่ง เช่น จ.ภูเก็ต ที่ปัจจุบันมีโครงการบลู เพิร์ล หัวหิน โครงการบลูพอร์ต และบริเวณบางนา ขณะที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขานครราชสีมา ได้ทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ปรับปรุงโฉมใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ยังมีที่ดินจากพันธมิตรร่วม 200 ไร่ พร้อมจะขยายพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มเติมในอนาคต เนื่องจากจังหวัดขยายตัวสู่ความเป็นเมือง ประชากรส่วนใหญ่มีไลฟ์สไตล์แฟชั่น

ขณะเดียวกันยังเป็นการขยายตัวเพื่อรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่กำลังจะเปิดขึ้นปลายปีนี้ ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของตลาดอาเซียน เพราะเส้นทางทั้งลาว กัมพูชา พม่า เชื่อมโยงกับกรุงเทพฯ แทบทั้งสิ้น ขณะที่กลุ่มสินค้าที่ได้รับอานิสงส์เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ กลุ่มซูเปอร์สโตร์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นสินค้าที่ประเทศเพื่อนบ้านไม่สามารถผลิตเองได้

สำหรับภาพรวมกำลังซื้อธุรกิจค้าปลีกปีนี้ไม่ค่อยดี โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้า เพราะสินค้าเกษตรราคาตกต่ำแทบทั้งสิ้น ส่วนมนุษย์เงินเดือนหรือกลุ่มชนชั้นกลาง ยังเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อดีอยู่ แต่ปัญหาที่ธุรกิจค้าปลีกต้องเผชิญอีก คือ ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยมีน้อย จากการมีกฎอัยการศึกที่ยังไม่ได้ยกเลิก ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นส่งผลให้รายได้ของเดอะมอลล์ช่วง 2 เดือน หรือระหว่างเดือน ม.ค.-ก.พ.ไม่เติบโต

ขณะที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน เติบโต 30% เพราะเป็นศูนย์กลางช็อปปิ้งย่านสยามสแควร์ นักท่องเที่ยวและคนต่างจังหวัดหลั่งไหลมาช็อปปิ้งในที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ควรมีมาตรการสนับสนุนเกษตรกร แก้ปัญหายกเลิกสิทธิพิเศษภาษีนำเข้าอาหารทะเลในยุโรป เพื่อกระตุ้นการส่งออก ซึ่งเป็นสร้างรายได้หลักให้กับไทย พร้อมทั้งเร่งให้เกิดการเลือกตั้งให้เร็วขึ้น และยกเลิกกฎอัยการศึก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว

ไพบูลย์ กล่าวว่า รายได้เดอะมอลล์ปีนี้ตั้งเป้าหมายเติบโต 20% จากปีที่ผ่านมารายได้ทรงตัวที่ 5 หมื่นล้านบาท และแม้ว่าจะผ่านมา 2 เดือนแล้วยอดขายก็ยังนิ่ง แต่บริษัทยังไม่ปรับเป้าหมายรายได้ โดยเดินหน้าโฟกัสแผนกที่สร้างรายได้ อย่าง สปอร์ตมอลล์ปรับโฉมใหม่ด้วยกัน 2 สาขา ใช้งบ 50 ล้านบาท แบ่งเป็นงบ 20 ล้านบาท ปรับสาขาเดอะมอลล์ นครราชสีมา เนื่องจากเป็นสาขาสร้างรายได้หลักอันดับ 2 ขยายพื้นทีี่ 2,500 ตร.ม. เป็น 3,000 ตร.ม. สร้างภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัยเป็นโกลบอลคอนเซ็ปต์

พร้อมกันนี้ ได้ขยายพื้นที่สปอร์ตมอลล์ เอ็มโพเรียม ใช้งบ 30 ล้านบาท เพิ่มจากพื้นที่ 1,000 ตร.ม. เป็น 3,000 ตร.ม. คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ส.ค. ซึ่งปรับครั้งนี้เพิ่มกลุ่มสินค้าเจาะผู้หญิงมากขึ้นในสัดส่วน 50% และผู้ชายสัดส่วน 50% และเพิ่มสินค้ากลุ่มเสื้อผ้าสำหรับออกกำลังกายและอุปกรณ์กีฬาใหม่ 4-5 แบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟ อาทิ อันเดอร์ อาเมอร์ (Under Armour) หลังจากกระแสออกกำลังกายในฟิตเนสกำลังมาแรง

ขณะที่ภาพรวมตลาดอุปกรณ์กีฬามูลค่า 3 หมื่นล้านบาท ปีนี้เติบโต 10% หรือราว 3.3 หมื่นล้านบาท สูงในรอบ 10 ปี คาดว่าปีนี้อัตราซื้อต่อบิลจะเพิ่มจาก 2,000 บาท/คน/บิล เป็น 2,200 บาท/คน/บิล เนื่องจากมีผู้นำเข้าได้เพิ่มอุปกรณ์ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลาย อีกทั้งการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในปีนี้จะหนุนให้อุปกรณ์กีฬาขยายตัว

นั่นคือสาเหตุทำให้บริษัททุ่มงบตลาด 300 ล้านบาทในปีนี้ เพื่อจัดกิจกรรมตลาดครั้งใหญ่ถึง 9 ครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกสำหรับเพิ่มความถี่การจัดกิจกรรม คาดว่าสิ้นปีนี้สปอร์ตมอลล์ สร้างรายได้เติบโต 25% หรือราว 3,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมารายได้ 2,500 ล้านบาท จากปัจจุบันมี 8 สาขา 

แม้ว่าภาพรวมค้าปลีกจะค่อนข้างซบเซา เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าผุดค้าปลีกในแต่ละโซนของกรุงเทพฯ โดยเริ่มขยายสู่ชานเมือง เพราะเชื่อมั่นว่าธุรกิจค้าปลีกในกรุงเทพฯ ยังเติบโตได้อีกมาก จากการที่ไทยเป็นศูนย์กลางตลาดอาเซียน ส่วนสปอร์ตมอลล์ เป็นหมากอีกตัวหนึ่งช่วยขับเคลื่อนรายได้ของเดอะมอลล์ปีนี้ให้ถึงเป้าหมาย

ข่าวล่าสุด

คนละครึ่งพลัส หนุน “พาสต้า บ่? - มีลาภ อุบลฯ" ยอดขายพุ่ง แชมป์ร้านต่างจังหวัดขายดี