posttoday

ค่ารับรองกับภาษี

18 มิถุนายน 2553

 

 

.....สมชาย ชูเกตุ

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการมักจะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลลูกค้าของบริษัทฯ เกิดขึ้นเสมอ แต่ ค่ารับรองหรือค่าบริการนั้น บริษัทฯ สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายทางภาษีได้หรือไม่ อย่างไร กรณีที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หากค่ารับรองนั้นมีภาษีซื้อเกิดขึ้น บริษัทฯ จะขอคืนภาษีซื้อได้หรือไม่

กฎหมายได้เห็นความสำคัญของรายจ่ายค่ารับรองหรือค่าบริการ จึงได้กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขเกี่ยวกับรายจ่ายของค่ารับรองหรือค่าบริการที่นำมาหักเป็นรายจ่ายทางภาษี รวมถึงภาษีซื้อของค่ารับรองหรือค่าบริการที่เกิดขึ้น สรุปได้ดังนี้

การหักรายจ่ายค่ารับรองหรือค่าบริการในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล

ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 143 แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ค่ารับรองหรือค่าบริการที่จะนำมาหักเป็นรายจ่ายของบริษัทฯ จะต้องมีลักษณะ

(1) เป็นค่ารับรองหรือค่าบริการอันจำเป็นตามธรรมเนียมประเพณีธุรกิจทั่วไป และบุคคลที่ได้รับการรับรองหรือรับบริการต้องไม่ใช่ลูกจ้างของบริษัทฯ เว้นแต่ลูกจ้างนั้นมีหน้าที่ในการรับรองหรือบริการนั้น และ

(2) ค่ารับรองหรือค่าบริการ จะต้องเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องโดยตรงที่จะอำนวยประโยชน์แก่กิจการของบริษัทฯ เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่าดูมหรสพ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการกีฬา เป็นต้น หรืออาจจะเป็นค่าสิ่งของที่ให้แก่บุคคลหรือลูกค้าที่ได้รับการรับรองหรือรับบริการให้ได้ไม่เกินคนละ 2,000 บาทในแต่ละคราว ถ้าจ่ายเกินกว่า 2,000 บาท ทำได้หรือไม่ คำตอบก็คือทำได้ แต่กฎหมายให้หักค่าสิ่งของเป็นรายจ่ายทางภาษีแค่ 2,000 บาทเท่านั้น และ

(3) ค่ารับรองหรือค่าบริการ จะหักเป็นรายจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 0.30 ของยอดรายได้หรือยอดขาย และหักได้สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท ยอดรายได้หรือยอดขายที่จะนำมาเป็นฐานในการคำนวณค่ารับรองหรือค่าบริการ หมายถึง รายได้หรือยอดขายที่บริษัทฯ ได้รับทั้งหมดจากการประกอบกิจการซึ่งต้องนำมารวมเป็นรายได้ หรือรวมคำนวณกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายใดๆ ในรอบระยะเวลาบัญชี และ

(4) เอกสารหลักฐานค่ารับรองหรือค่าบริการ จะต้องมีใบรับหรือหลักฐานของผู้รับเงิน ทั้งนี้ ให้ระบุชื่อบริษัทฯ ที่ได้จ่ายค่ารับรองหรือค่าบริการให้ชัดแจ้ง เพื่อป้องกันปัญหาการพิสูจน์รายจ่ายที่ได้จ่ายไป และการจ่ายค่ารับรองหรือค่าบริการจะต้องมีกรรมการหรือผู้เป็นหุ้นส่วน หรือผู้จัดการ หรือผู้ได้รับมอบหมายจากบุคคลที่กล่าวมาเป็นผู้อนุมัติหรือสั่งจ่าย

ภาษีซื้อของค่ารับรอง บริษัทฯ ที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่สามารถนำภาษีซื้อที่เกิดขึ้นไปหักจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีซื้อหรือเครดิตภาษีได้ แต่สามารถนำภาษีซื้อที่เกิดขึ้นไปหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ท่านสามารถศึกษาได้จากมาตรา 82/5 และมาตรา 65 ตรี (6ทวิ) แห่งประมวลรัษฎากร

ค่ารับรองหรือค่าบริการที่เกิดขึ้นจากการรับรองลูกค้า จะมีประเด็นเกี่ยวกับภาษีซื้อที่เกิดขึ้นและประเด็นการหักรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามที่กล่าวมาข้างต้น กรณีที่เป็นรายจ่ายที่ไม่เข้าเงื่อนไขตามที่กล่าวมา จะทำให้ไม่สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ หากได้หักรายจ่ายไปแล้วอาจส่งผลให้เสียเงินเพิ่มนอกเหนือจากภาษีต้องชำระ หรือถ้าได้นำภาษีซื้อค่ารับรองไปหักจากภาษีขายหรือขอคืนภาษี คงได้เสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มนอกเหนือจากภาษีต้องชำระเป็นแน่ สวัสดีครับ

ข่าวล่าสุด

คนละครึ่งพลัส หนุน “พาสต้า บ่? - มีลาภ อุบลฯ" ยอดขายพุ่ง แชมป์ร้านต่างจังหวัดขายดี