posttoday

สถิติ SET INDEX ที่ท่านอาจไม่รู้ (ตอนจบ)

04 กุมภาพันธ์ 2558

สัปดาห์ที่แล้ว ผมได้จัดอันดับสถิติการขึ้นมากที่สุดของ SET INDEX ซึ่งจัดได้ 4 ลำดับ ส่วนสัปดาห์นี้ผมจะจัดลำดับการลงมากที่สุด โดยสถิติการลงต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุด และสร้างความเสียหายแก่นักลงทุนในตลาดหุ้นมากที่สุดก็คือ ช่วงเดือน ม.ค. 2537 ซึ่งในเดือนนั้น SET INDEX ได้สร้างจุดสูงสุดที่ 1,789.16 จุด แล้วก็ไหลลงมาราวกับน้ำตกไนแองการ่า โดยลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 204.59 จุดในเดือน ก.ย. 2541 ลงไปทั้งสิ้น 1,584.57 จุด หรือ 88.6% ภายในเวลา 4 ปี 8 เดือน

สัปดาห์ที่แล้ว ผมได้จัดอันดับสถิติการขึ้นมากที่สุดของ SET INDEX ซึ่งจัดได้ 4 ลำดับ ส่วนสัปดาห์นี้ผมจะจัดลำดับการลงมากที่สุด โดยสถิติการลงต่อเนื่องที่ยาวนานที่สุด และสร้างความเสียหายแก่
นักลงทุนในตลาดหุ้นมากที่สุดก็คือ ช่วงเดือน ม.ค. 2537 ซึ่งในเดือนนั้น SET INDEX ได้สร้างจุดสูงสุดที่ 1,789.16 จุด แล้วก็ไหลลงมาราวกับน้ำตกไนแองการ่า โดยลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 204.59 จุดในเดือน ก.ย. 2541 ลงไปทั้งสิ้น 1,584.57 จุด หรือ 88.6% ภายในเวลา 4 ปี 8 เดือน

ซึ่งผมเองก็เป็นนักลงทุนคนหนึ่งที่เริ่มลงทุนในช่วงครึ่งหลังของวิกฤตครั้งใหญ่นี้ จำได้คร่าวๆ ว่า ช่วงที่เข้าลงทุนนั้น SET INDEX อยู่แถว 1,200-1,300 จุด ผมเห็นว่า SET INDEX ก็ได้ลงมาประมาณ 500 จุด หรือประมาณกว่า 30% แล้ว คงจะลงไปอีกไม่มากแล้ว หุ้นหลายตัวลงมามากกว่า 40% เสียด้วยซ้ำ

จากการเป็นนักลงทุนที่อ่อนประสบการณ์ในสมัยนั้น ทำให้การเริ่มต้นลงทุนของผมครั้งนั้นได้สร้างบาดแผลไว้เป็นที่ระลึกมากมาย ทำให้พบสัจธรรมว่า “ถูกแล้วยังมีถูกกว่าอีก” เงินออมที่เก็บมาจากการทำธุรกิจตั้งแต่อายุ 12 ปี บางส่วนก็มลายหายไปกับการลงทุนช่วงนั้น แต่ผมก็ยังโชคดีกว่านักลงทุนหลายๆ ท่านที่ยังลงทุน
ต่อเนื่อง

แล้วในที่สุดก็สามารถสร้างผลกำไรกลับคืนมาได้เป็นกอบเป็นกำ เข้าทำนอง “เงินไปเที่ยว เดี๋ยวเดียวก็กลับมา” แต่อันที่จริงก็ใช้เวลาอยู่นานหลายปีเลยทีเดียว ที่จะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนเพื่อเรียกคืนส่วนที่ขาดทุนกลับมา เมื่อคิดย้อนกลับไป ถ้ามองในแง่ดีก็คิดเสียว่าเป็นการได้บทเรียนจากการลงทุนจากประสบการณ์โดยตรง เสมือนเป็นวัคซีนสร้างความแข็งแกร่งให้กับผมในการต่อสู้กับวิกฤตการณ์ครั้งต่อๆ ไป ที่ผมเชื่อว่าคงจะมีอีกเป็นระยะๆ เพียงแต่ว่าดีกรีความรุนแรงจะมากหรือน้อยกว่าเท่านั้น

ถ้าเรามาจัดลำดับสถิติการลดลงของ SET INDEX ในช่วงระหว่างปีที่มากที่สุด จะจัดได้เป็น 3 ลำดับ คือ

1) ช่วงเดือน พ.ค. 2551 SET INDEX ในขณะนั้นอยู่ที่ 886.57 จุด หลังจากนั้นได้ไหลลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 380.05 จุด ในเดือน พ.ย. 2551 ลงไปถึง 506.52 จุด หรือ 57.13% ภายในเวลาเพียง 6 เดือน ซึ่งช่วงนั้นวิกฤตนี้เกิดขึ้นที่สหรัฐ ซึ่งเราเรียกวิกฤตนี้ว่า HAMBURGER CRISIS จากการลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐอย่างรุนแรง ได้ส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นทั่วโลก ตลาดหุ้นไทยก็เลยโดนหางเลขเข้าไปเต็มๆ ทำให้นักลงทุนเงินหายไปเกินกว่าครึ่งเลยทีเดียว

2) ช่วงเดือน ก.ค. 2533 SET INDEX อยู่ที่ 1,143.78 จุดในขณะนั้นได้ไหลลงไปถึง 536.74 จุด ในเดือน พ.ย. 2533 ลงไป 607.04 หรือ 53.07% ภายในเวลา 4 เดือน จากการเกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียโดยสหรัฐรบกับอิรัก

3) ช่วงเดือน ต.ค. 2530 SET INDEX ในเดือนนี้ทำจุดสูงสุดที่ 472.86 แล้วไหลลงอย่างรวดเร็วไปที่ 243.97 จุด และยังคงลงต่อเนื่องไปถึงเดือน ธ.ค. 2530 โดยลงไปถึง 228.89 จุด คิดเป็น 48.41% ภายในเวลา 2 เดือน เราเรียกวิกฤตนี้ว่า BLACK MONDAY ซึ่งเริ่มต้นจากตลาดหุ้นสหรัฐตกลงติดต่อกันหลายวัน จากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐได้ขึ้นมาถึง 44% ในปีนั้น มีการเทขายทำกำไรกันต่อเนื่องจนส่งแรงเหวี่ยงไปที่ตลาดหุ้นฮ่องกง ทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงตกระเนระนาด พลอยทำให้ตลาดหุ้นไทยตกลงอย่างรุนแรงติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือนเต็มๆ โดยในเดือน ต.ค. 2530 ตลาดหุ้นฮ่องกงลงไปถึง 45.5% ตลาดหุ้นลอนดอนลงไป 26.45% ตลาดหุ้นสหรัฐลงไป 22.68% ส่วนตลาดหุ้นไทยลงไปประมาณ 30% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย. 2530 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงนั้นมี CEILING/FLOOR ที่ 10%ทุกวันหุ้นเกือบทุกตัวมีแต่ OFFER ไม่มี BID พอตัวไหนไม่มีการซื้อขาย ราคาก็จะคงที่ ทำให้ตลาดหุ้นไทยดูเหมือนว่าลงไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นฮ่องกง

ส่วนสถิติการลงแรงสุดภายใน 1 วันนับจากจุดปิดวันเกิดกับจุด
ต่ำสุดของวันถัดไป มี 3 ลำดับ คือ

1) วันที่ 19 ธ.ค. 2549 SET INDEX ตกจาก 730.55 จุด ไปทำจุดต่ำสุดที่ 587.92 จุด ลงไป 142.63 จุด คิดเป็น 19.52% จนตลาดหลักทรัพย์ต้องประกาศหยุดการซื้อขายครึ่งชั่วโมง หลังจากที่ SET INDEX ตกลงไป 10% ตามกฎของ CIRCUIT BREAKER
นับเป็นการใช้ CIRCUIT BREAKER เป็นครั้งแรก ก่อนขึ้นมาปิดที่ 622.14 จุด สาเหตุเกิดจากการประกาศทำ CAPITAL CONTROL โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ได้สร้างความตื่นตกใจแก่นักลงทุนต่างประเทศ จึงมีแรงเทขายอย่างรุนแรง รวมทั้งการขายตัดขาดทุนจากนักลงทุนไทยบางกลุ่มและการถูก FORCE SELL ในบัญชี MARGIN ผสมโรงเข้าไปด้วย

2) วันที่ 12 ก.ย. 2544 SET INDEX ลงจาก 330.37 จุด ไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ 298.04 จุด ลงไป 32.33 จุด คิดเป็น 9.79% สาเหตุเกิดจากเหตุการณ์ 911 เครื่องบินถล่มตึก WORLD TRADE CENTER ที่สหรัฐ โดยฝีมือของกลุ่มก่อการร้าย AL-QAEDA

3) วันที่ 15 ธ.ค. 2557 SET INDEX ลงจาก 1,514.95 จุด ไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1,375.99 จุด ลงไปถึง 138.46 จุด หรือ 9.17% (ถ้าลงไปอีกหน่อยจนถึง 10% ก็จะเห็นตลาดหลักทรัพย์งัดมาตรการ CIRCUIT BREAKER มาใช้เป็นครั้งที่ 2 แล้วขึ้นมาปิดที่ 1,478.49 จุด สาเหตุเกิดจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ คำสั่งขายจาก TRADING PROGRAM การถูก FORCE SELL ของลูกค้าบัญชี MARGIN และข่าวลืออัปมงคล

ข่าวล่าสุด

คนละครึ่งพลัส หนุน “พาสต้า บ่? - มีลาภ อุบลฯ" ยอดขายพุ่ง แชมป์ร้านต่างจังหวัดขายดี