เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท
กำหนดเวลายื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี 2557 เริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. 2558 ผู้มีเงินได้พึงประเมินต่างมีเงินได้ฯ จากการประกอบอาชีพที่หลากหลายแตกต่างกัน
กำหนดเวลายื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี 2557 เริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. 2558 ผู้มีเงินได้พึงประเมินต่างมีเงินได้ฯ จากการประกอบอาชีพที่หลากหลายแตกต่างกัน
ประมวลรัษฎากรได้แบ่งประเภทเงินได้พึงประเมินออกเป็น 8 ประเภท ตามนัยมาตรา 40(1)-(8) เงินได้ฯ แต่ละประเภทมีลักษณะแตกต่างกัน ประเภทเงินได้ฯ เป็นเรื่องสำคัญ หากระบุประเภทเงินได้ฯ ไม่ถูกต้อง การหักค่าใช้จ่ายในการคิดคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอาจผิดพลาดได้ เพราะเงินได้ฯ บางประเภทกฎหมายให้หักค่าใช้จ่าย (หักเหมา/หักจริง) และบางประเภทกฎหมายไม่ให้หักค่าใช้จ่าย อาจส่งผลต้องชำระภาษีเพิ่มเติม เสียเงินเพิ่ม กรณีขอคืนภาษีอาจได้คืนน้อยกว่าที่ขอคืน นอกจากนั้นผู้จ่ายเงินได้ฯ อาจหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายไม่ถูกต้อง เพราะแต่ละประเภทเงินได้ฯ อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายแตกต่างกัน ประเภทเงินได้ฯ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เงินได้พึงประเมิน 8 ประเภท ตามประมวลรัษฎากรสรุปได้ดังนี้
1.เงินได้ฯ ตามมาตรา 40(1) เป็นเงินได้จากการจ้างแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ เงินค่าเช่าบ้าน เงิน ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับจากการจ้างแรงงาน ซึ่งนายจ้างและลูกจ้างมีการบังคับบัญชากัน เช่น ข้าราชการ พนักงานบริษัท เป็นต้น
2.เงินได้ฯ ตามมาตรา 40(2) เป็นเงินได้จากการรับทำงานให้ผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างไม่ได้เป็นนายจ้างและลูกจ้างกัน ไม่สามารถบังคับบัญชากันได้ ผู้ว่าจ้างจะจ่ายค่าตอบแทนตามผลสำเร็จของงาน เงินได้ประเภทนี้ ได้แก่ ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า เงินอุดหนุนในงานที่ทำ เบี้ยประชุม โบนัส บำเหน็จ เงินค่าเช่าบ้าน เงิน ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับจากการรับทำงานให้
3.เงินได้ฯ ตามมาตรา 40(3) เป็นเงินได้จากค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น เงินปีหรือเงินรายปี อันเนื่องมาจากพินัยกรรมหรือนิติกรรมอย่างอื่น หรือคำพิพากษาของศาล เงินได้ฯ จากค่าซอฟต์แวร์ถือเป็นค่าลิขสิทธิ์ตามกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์
4.เงินได้ฯ ตามมาตรา 40(4) เป็นเงินได้จากดอกเบี้ยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยจากพันธบัตร เงินฝาก หุ้นกู้หรือการให้กู้ยืมเงิน นอกจากนั้นยังมีเงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร ผลประโยชน์จากการโอนหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตรหรือตั๋วเงิน ผลประโยชน์จากการเพิ่มทุน ลดทุนหรือจากการควบเข้ากัน เป็นต้น เงินได้ประเภทนี้ส่วนใหญ่เกิดจากเงินทุน ไม่ได้ใช้แรงกายแต่อย่างใด
5.เงินได้ฯ ตามมาตรา 40(5) เป็นเงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์ก็ตาม รวมถึงเงินที่ได้รับจากการผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สินหรือสัญญาซื้อขายเงินผ่อน เงินได้ฯ ประเภทนี้เกิดจากทรัพย์สินของผู้มีเงินได้
6.เงินได้ฯ ตามมาตรา 40(6) เป็นเงินได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระ ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่ 6 วิชาชีพ ได้แก่ กฎหมาย วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี การประกอบโรคศิลป ประณีตศิลปกรรม เงินได้ประเภทนี้มักปฏิบัติผิดพลาดกันบ่อยครั้ง เพราะผู้ประกอบวิชาชีพนี้อาจจะมีเงินได้หลายประเภทแตกต่างกัน เช่น แพทย์อาจจะมีเงินได้ตามมาตรา 40(1) หรือมาตรา 40(2) หรือมาตรา 40(6) หรือมาตรา 40(8) ก็ได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะการประกอบการของแพทย์
7.เงินได้ฯ ตามมาตรา 40(7) เป็นเงินได้จากการรับเหมา โดยที่ผู้รับเหมาเป็นผู้จัดหาวัสดุ อุปกรณ์ แต่ถ้าหากรับเหมาโดยไม่มีวัสดุ อุปกรณ์และใช้แรงงานคนเดียว เงินค่าจ้างที่ได้รับเป็นเงินได้มาตรา 40(2) แต่ถ้ามีลูกน้องไปทำงานด้วยหลายคนโดยวัสดุ อุปกรณ์ เป็นของผู้ว่าจ้างเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(8) ซึ่งถือเป็นการรับจ้างทำ
8.เงินได้ฯ ตามมาตรา 40(8) เป็นเงินได้นอกเหนือจากเงินได้ตามมาตรา 40(1)-(7) แห่งประมวลรัษฎากร ได้แก่ เงินได้จากการขนส่ง พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม เกษตรกรรม เป็นต้น
ประเภทเงินได้พึงประเมินตามกฎหมายมีตามที่กล่าวมาข้างต้น สวัสดีครับ


