posttoday

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

13 มกราคม 2558

ลองขี่กันแบบยาวๆกับ "DUCATI DIAVEL CARBON 2015" กับเส้นทาง กทม.-น่าน-เชียงราย-เชียงใหม่

เรื่องและภาพ : CAP‘P’ภรวิธ เศรษฐบุตร

สามปีที่แล้ว Ducati สร้างความฮือฮากับสังคมบิ๊กไบค์ด้วยการประกาศก้องว่า พวกเขาจะสร้างรถแนว cruiser ที่ไม่ธรรมดา

Ducati สร้างรถที่เน้นสันดานดิบจากอารมณ์รถแข่งในสนามซึ่งเป็นสิ่ง ที่เป็นจุดขายของเขาแม้ที่ผ่านมาจะขึ้นชื่อว่าทักษะการควบคุมนั้นจำเป็นที่จะต้องมี ติดตัวเพื่อปราบพยศมันให้ได้เพราะความดิบแบบไม่เกรงใจใครนั่นเองทำให้เป็นสเน่ห์ ของรถค่ายนี้มาตลอด

เมื่อ  Ducati สร้าง Diavel ขึ้นมาในปี 2011 ล่ะ เกิดอะไรขึ้น? มันขายดิบขายดี ทั่วโลกเพราะผู้ใช้ที่มีปัญหาเรื่องท่านั่งที่ต้องก้มแบบรถสปอร์ตแต่ชอบรถแรงหรือ เบาะที่สูงจากพื้นไม่มากของ Diavel ทำให้เพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะชาวเอเซีย

ด้วยรูปลักษณ์ที่ทีมออกแบบได้บอกกับตัวพวกเขาเองว่าอยากได้รถตามใจพวกเขาจาก “Wish List” ที่อยู่ในมืออยู่แล้วและมันก็ถูกสร้างขึ้นใหม่หมดจรดเริ่มจากการสเก็ตภาพจาก กระดาษเปล่ากันเลยทีเดียว โดยมีคอนเซ็ปที่มาจากนักกีฬาวิ่งที่มีแต่กล้ามเนื้อปราศจากไขมัน เตรียมตัววิ่งออกจากลู่ในการแข่งขันชิงแชมป์ชายเดี่ยว  50เมตร Olympic อย่างไรอย่างนั้น

นึกภาพตามดูนะครับเพราะด้วยซุ้มล้อหน้าที่ไกล้กับตัวถัง ล้อหลังที่ใหญ่ขนาด 240 มม ถังน้ำมันที่ยาวใหญ่ แฮนด์บาร์ที่กึ่งๆ สไตล์ Pull-back ท่านั่งที่ค่อนข้างสบาย ที่วางเท้ามีระยะประมาณกลางๆ ตัวรถ ทั้งหมดนี้ทำให้มันดูน่าเกรงขามใช้ได้ทีเดียว

เมือเปิดตัว Diavel ทาง Ducati กลับ launch แคมเปญนี้ว่า “Don’t call me a cruiser” แต่ผู้คนก็ยังพร้อมใจกันเรียกว่า “Cruiser” แต่เติมคำว่า “Power” เข้าไปข้างหน้า สรุปแล้วมันคือ “Power Cruiser” เอ๊ะ มันยังไง?

จริงๆ แล้วในปี 2015 Ducati Diavel ไม่ใช่ของใหม่ในบ้านเราเพราะ ทำการตลาดมาสองสามปีแล้ว แต่ในเมื่อ ปี 2015 ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปโฉม เพื่อให้ มันดูหล่อขึ้น ส่วนตัวแล้วผมก็คิดว่ามันก็ยังน่าสนใจอยู่ เพราะรถบิ๊กไบค์ระดับ ไฮเอนด์ แบบนี้มักจะไม่มีวันดูเก่าหรอกครับ มันขึ้นอยู่กับว่า คุณกำลังต้องการขี่รถแบบใหน ในจังหวะชีวิต

ถ้าตอนนี้คุณอาจกำลังหมกมุ่นอยู่กับสนาม แข่งคุณก็ไม่สนอาการเมื่อยหลังเป็นแน่ หรือถ้าคุณกำลังมีความรัก อยากพาแฟนตะลุยท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ก็ต้องแนว Touring Adventure แต่เมื่อคุณอยากสบายๆ แต่ความแรงไม่เป็นรองใคร Ducati สร้าง Diavel ขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ และปี 2015 นั้นก็เป็นการปรุงแต่งให้มันดู ‘หล่อ’ ขึ้นกว่าเดิมด้วยการส่งสองรุ่นคือ Diavel Dark ราคา 919,000บาท และ Diavel Carbon ที่ราคา 1,089,000 บาท โดยทั้งคู่ประกอปจากโรงงาน Ducati ที่จังหวัดระยองผลงานคนไทยนั่นเอง

PostToday Online นำ Ducati Diavel Carbon ปี 2015 คันละล้านกว่านี่แหละไปทดสอบกันยาวๆ ประมาณ 1,500 กิโลเมตร ทั้งทางตรงที่ไม่เน้นแต่จะเน้นการใช้งานแบถึงกึ๋นด้วยสภาพถนนที่มีทั้งดีและแย่ ลุยโค้งกันแบบทุกสภาพโค้งที่มีให้เล่น เราจะทดสอบกับทุกสิ่งอย่างที่มากับรถดูซิว่าสมราคาใหม

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

Ducati Diavel Carbon 2015

สุดหล่อของเราได้รับการทำศัลยกรรมหลายอย่างทีเดียว เริ่มจากเครื่องยนต์ 1,198ซีซี Testastretta 11 องศา V-twin 90องศา ที่ขยับให้ม้า 162 ตัว กับ ทอร์ค ให้สัมพันธุ์กันมากขึ้น โดยม้าทั้งหมดมารวมกันที่ 9,250 รอบ จากของเดิมที่มาช้ากว่าที่ 9,500 รอบ เป็นไงล่ะครับ เริ่มต้นแรงแล้ว ก็คิดเยอะนะเนี่ย! นอกจากนั้นได้มีการออกแบบท่อไอเสียใหม่ทั้งยวงตั้งแต่ท่อ ไปจนถึงปลาย ตัวท่อเป็น Ceramic-coated ทำให้ความร้อนลดลง ปลายท่อถูกออกแบบใหม่ใฉไลกว่าเดิม รวมทั้งเปลี่ยนตำแหน่งการจ่ายน้ำมันมีผลทำให้ Diavel ใหม่เพิ่มพละกำลัง หรือ torch ที่มากกว่าเดิมถึง 4.5 เปอร์เซนต์

สยบความแรงด้วยช่วงล่างระดับพรีเมี่ยม “Ducati Safety Pack” โช๊คหน้าขนาด 50มม จาก Marzocchi และ โช๊คหลังเดี่ยวจาก Sachs โดยทั้งคู่ปรับระดับได้อย่างละเอียด ระบบเบรคแน่นอนด้วย Brembo Monoblocs 4 Pods ต้องบอกว่า ระบบช่วงล่างทั้งหมดซึ่งถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของรถ ในเรื่องของการควบคุมเพราะสภาพถนน ที่ไม่เรียบแบบบ้านเรามักจะเป็นปัญหาเสมอ ส่วนยางที่ให้มาด้วยหนีไม่พ้น Pirelli ที่จัด Diablo Rosso II เน้นๆ ว่า ผมก็ยัง Sportbike นะฮะ แต่ผมขอมีกริ๊บในการเกาะถนน กะเขาบ้างเพราะผมก็อยากเที่ยวเหมือนกัน เบาะนั้งเสริมโฟมให้หนาขึ้นกว่าเดิม เน้นความรู้สึกที่สบายมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทั้งหมด

มาดูหน้าตาใหม่ที่เน้นๆ กันเริ่มจากการออกแบบโคมไฟหน้า LED ที่สวยงาม เน้นความปลอดภัย ของแสงสว่างในเวลากลางวันด้วยไม่ใช่เฉพาะกลางคืน หน้าจอ display มีสองจอ เน้นนะครับมีสองจอ อันที่อยู่ตรงแฮนด์บาร์แสดงมาตรวัดรอบ เครื่องยนต์ ความเร็ว อุณหภูมิเครื่องยนต์ นาฬิกา ดิจิตอล

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

ส่วนจอที่แยกออกมาด้านบนของถังน้ำมันนั้นแสดงค่าโหมดต่างๆ ที่เรียกว่า Riding Modes จอนั้นมีขนาดใหญ่ มีสีแตกต่างกันชัดเจนมากเพื่อให้เข้าใจง่าย แค่เหลือบๆ มองใต้หางตาก็สามารถสังเกตุว่าคุณกำลังอยู่โหมดใหน เปลี่ยนโหมดได้ง่ายระหว่างการขับขี่ ที่เหลือก็จะเป็นค่าต่างๆ เกี่ยวกับความสิ้นเปลืองของน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำมันในถัง หรือการคำนวนระยะทางก่อนน้ำมันหมดทำให้สะดวกยิ่งขึ้นหากจะนำออกขี่ท่องเที่ยวและมีการแสดงผลอุณหภูมิของบรรยากาศที่ขี่รถผ่านไปด้วยนะ ในจอมีการเตือนเรื่องขาตั้งรถด้วยว่า ได้ยกขึ้นหรือยัง ผมขอบรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้นะ ผมว่าสำคัญ เพราะเคยเห็นตัวอย่างของการเกิดอุบัติเหตุเพราะลืมเอาขาตั้งขึ้นมาแล้วหลายครั้ง

สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกแปลกๆ คือ Diavel มีพร้อมทุกอย่างที่จะให้เราเดินทางไกลได้แต่มัน ไม่มีที่ติดกระเป๋า! คือว่า ประเทศอื่น Diavel จะมีสองสายพันธุ์ครับ Diavel และ Diavel Strada (สตราด้าเป็นรุุ่นที่มีกระเป๋าข้าง มีพนักพิงคนซ้อน มีที่มัดกระเป๋าสัมภาระ และชิวหน้าขนาดใหญ่สำหรับเดินทาง)

แต่มันมีหนทางนะเพราะ Ducati มีอุปกรณ์ชุดนี้จำหน่ายในราคา  85,840บาท Diavel ของคุณจะไปได้ทุกที่กับหวานใจอย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณไม่สนใจ อุปกรณ์ชุดนี้ ก็ต้องเน้นๆ ไปเช้าเย็นกลับหรืออย่างมาก 1 คืนกับเป้ 1 ใบให้แฟนแบกเสื้อผ้าของทั้งสองคนแทน อันนี้ก็แล้วแต่สะดวกครับ เรียกว่าจะใช้เป็นแผนซ้อนแผนไม่ให้แฟนซ้อนก็ย่อมได้

ล้อ Forged ลายใหม่ “contrast-cut” 9 ก้าน น้ำหนักเบาแค่ยืนมองล้อก็น้ำลายไหลแล้วฮะ เพราะความงามของมัน การออกแบบให้มีหม้อน้ำสองข้างซ้ายขวานี่ถือว่ากล้ามาก แต่ทีมออกแบบก็ทำได้ดีคือ ออกแบบแฟริ่งเก็บหม้อน้ำที่ควรจะน่าเกลียดให้ดู มีอะไรขึ้นมาทันที อาจจะเป็นเพราะมันเป็นตำแหน่งไฟเลี้ยวด้วยก็ได้ ถือว่าผสมผสานกันลงตัว

Diavel Carbon มีสองสีให้เลือกคือ Red Carbon และ Star White Carbon คันที่ผมจะพาไปซิ่งเป็นรุ่น Star White Carbon มีเฟรมถัก หรือ Trellis Frame ที่เป็น Signature ของ Ducati แฮนด์บาร์พ่นสีดำเซรามิคโค๊ตสวยงาม ถือว่าได้มีการปรับเปลี่ยน ไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับเวอร์ชั้นปี 2015

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

เรามาดูเรื่องอารมณ์การขับขี่กันบ้าง

กรุงเทพฯ - น่าน - ภูลังกา -  เชียงราย (ดอยแม่สลอง) - เชียงดาว - เชียงใหม่

ผมมีน้ำหนัก 64 กก มีส่วนสูง 160 ซม ซึ่งเป็นสัดส่วนของ Dani Pedrosa นักแข่ง Moto GP ทีม Repsol Honda ที่ถือว่าตัวเล็กพอสมควร (ปลอบใจตัวเองเสมอ) แต่พอได้นั่งลบนเบาะครั่งแรก ความมั่นใจก็บังเกิดเพราะ “ขาถึง” ทั้งสองข้างครับ น้ำตาแทบใหลเพราะที่ผ่านมามักจะได้ข้างเดียวมาตลอด

คันเร่งไฟฟ้า Ride-by-Wire กับ เบรคและครัชถูกเซ็ทมาจากโรงงานอย่าง นิ่มนวลใช้งานง่ายไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่แข็งกระด้างทำให้ปวดกล้ามเนื้อเวลา ใช้งานไม่จำเป็นต้องเสียเงินหาซื้อปั๊มบนและล่างหลายสตางค์เพื่อการนี้

กุญแจรีโหมดคอนโทรลที่มีสัญญานเชื่อมต่อกับตัวรถไม่ต้องเสียบกุญแจเวลาสตาร์ทเครื่อง  ขอบอกว่าฟินฮะ สะดวกมาก ทีนี้เราก็มาดูโหมดต่างๆ กันบ้าง 

Riding Modes ใช้งานง่ายมาก ที่แฮนด์ด้านซ้ายมีปุ่มคอนโทรล โหมดต่างๆ ใช้งานร่วมกับสัญญานเลี้ยวซ้าย-ขวา เมื่อกดตรงกลางมันจะพาเข้าสู่การตั้งค่าการเปลี่ยนโหมด แค่กดซ้ำที่เดิมแต่ละครั้งมันจะเวียนไปทั้งสามโหมด ตามเข็มนาฬิกา เลย์เอาท์ของโหมดแต่ละโหมด มีสีไม่ซ้ำกันทำให้เมื่อเกิดความเคยชิน เราแค่เหลือบดูก็รู้ว่าเราอยู่โหมดใหน เน้นเลยว่าสำคัญมากเวลาขับขี่อยู่เพราะไม่ทำให้เราต้อง ละสายตานานจากการมองถนน เมื่อเปลี่ยนโหมดแค่ไม่เปิดคันเร่งและกดปุ่มแช่ไว้ 3-4 วินาที โหมดจะเปลี่ยน ย้ำนะครับ แค่ไม่เปิดคันเร่ง ไม่ใช่ปิดคันเร่ง

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

Riding Modes มีทั้งหมดสามระดับ

SPORT MODE จะเป็นโหมดที่ให้กำลังสูงสุดที่ 162hp การตอบสนอ'ของคันเร่งนั่นเฉียบคมและว่องไวพร้อมทยานในสนามและบนถนนโล่ง ระบบนี้ DTC หรือ Ducati Traction Control จะอยู่ที่ระดับ 1 เอาเป็นว่าสำหรับ sport mode มันจะกลายเป็นสัตว์ร้ายทันทีหากคุณเอาอยู่คุณได้สนุกกับมันแน่ๆ

TOURING MODE ชื่อบอกไว้ชัดเจนว่าใช้สำหรับการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งยังคงไว้ที่ความแรงระดับ 162hp แต่ DCT จะถูกเซ็ทค่าไว้ที่ระดับ 3 เพื่อความปลอดภัยไร้กังวลโดยเฉพาะเมื่อมีคนซ้อน ยังมันได้อยู่แน่นอนว่าไม่แรงเท่า Sport mode แต่เน้นความปลอดภัยลดความเสี่ยงของการเสียการทรงตัวของรถเพราะมีตัวช่วยมากขึ้น

URBAN MODE อย่าคิดว่าไม่สำคัญ เพราะรถแรงๆ หากเจอพื้นผิวทางชำรุดเสียหาย หรือทางที่เป็นฝุ่น หรือทางที่เปียกลื่นยามฝนตกโหมดนี้จะช่วยคุณได้เพราะมันจะถูกลด แรงม้าลงเหลือ 100hp และ DTC จะอยู่ระดับ 5 ช่วยไม่ให้รถมีอาการล้อหมุนฟรีหรือ ท้ายปัดได้ง่าย แน่นอนมันจะมีอาการฉุดๆ อยู่บ้างและค่อนข้างน่าเบื่อ แต่เชื่อเถอะคุณจะต้องการใช้โหมดนี้อย่างแน่นอน

DAY 1: กรุงเทพฯ - น่าน

เมื่อซักซ้อมทำความเข้าใจกับระบบต่างๆ เราก็ล้อหมุนออกจากกรุงเทพฯ ไปตามเส้นพหลโยทินสู่เมืองน่านระยะทางตรงๆ กว่า 668กิโลเมตร โดยเริ่มจาก Urban Mode เป็นการชิมลาง เมื่อรู้สึกเบื่อเพราะอาการตึ้อของ ม้าแค่ 100 ตัวผมก็สับเข้า Touring Mode ทันที อาการง่วงก็ค่อยๆ หมดไปทีละนิด ต้องบอกว่าการควบคุมของ Diavel Carbon นั้นง่ายมาก อัตราเร่งที่มีมหาศาลทำให้แซงรถบนถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมยังไม่มีความจำเป็นต้องเปิด Sport Mode ช่วงนี้ ยังไม่ถึงเวลา

เราค้างที่จังหวัดน่าน 1 คืน และของจริงก็เริ่มขึ้นในวันที่สอง

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

DAY 2: ทางหลวง 1148 - ภูลังกา - เชียงคำ

เคยมาแวะมาชิมเส้นทางหลวงที่ขึ้นชื่อว่าสุดยอดของเมืองไทยเส้นนี้เป็นครั้งที่สอง รู้สึกไม่เคยเบื่อที่นี่เพราะสภาพถนนสุดกริ๊บ พื้นผิวไม่ต่างอะไรกับสนามแข่ง สภาพโค้งหลายร้อยโค้งที่เปิดออกให้เห็นทะลุปรุโปร่งแถมยังมีทิวทัศน์สวยงามสุดๆ ตามไหล่เขา

เราออกเดินทางช่วงสายๆ รอถนนแห้งจากน้ำค้าง จุดหมายคือแวะค้างคืนที่ภูลังกา รีสอร์ต ไกล้ๆ อุทยานภูลังกา ผมเริ่มด้วย Touring Mode และยังไม่เปลี่ยนเพราะความเร็วที่ ทำได้ไม้มากนักในโค้งแอบใส่ไป 100-120 ก็หรูแล้ว

Diavel carbon ที่ดูเหมือนอุ้ยอ้ายคราวนี้เริ่มแสดงศักยภาพของมันให้เห็น เพราะมันพลิกตัวไปมาตามโค้งได้ง่ายมาก Traction Control ทำงานไม่มีที่ติ มันเข้าโค้งได้แม่นยำและรวดเร็วทั้งๆ ทีมีตัวถังที่ค่อนข้างยาวกว่าชาวบ้านเขา ที่ประทับใจคือยามทยานออกจากโค้งนั้นรถมีอาการ ‘นิ่ง’ สุดยอดจริงๆ ยอมรับว่าการเป็นคนตัวเล็กต้องปรับท่านั่งนิดหน่อยซึ่งปรับตัวได้ไม่ยาก

ผมใช้เวลาจูนตัวเองเข้ากับรถในช่วงนี้เพื่อรองรับวันรุ่งขึ้นที่เราจะเข้าเชียงรายเพราะรู้ว่า เส้นทางที่จะเจอนั้นมองได้สองมุม ไม่สนุกก็เครียดเพราะความไม่เป็นมิตรของถนนที่คดเคั้ยว มากขึ้น

DAY 3: ทางหลวง 1148 - ดอยแม่สลอง เชียงราย

ทางช่วงนี้เป็นโค้งไฮสปีดหลายช่วงเป็นจังหวะที่ผมได้ตัดสินใจใช้ Sport Mode หลังจากอั้นมานาน แม่เจ้า มันช่างดุดันขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด การเข้าโค้งที่ใช้เบรคลึก ขึ้นและออกจากโค้งด้วยการเปิดคันเร่งที่รุนแรงขึ้นให้อารมณ์ไม่ต่างอะไรกับรถแข่ง Superbike เลยทีเดียว โหมดนี้นอกจากจะได้เห็นตัวตนของ Diavel Carbon ว่ามันซ่อนอะไรอยู่แล้ว ระบบเบรคระดับพรีเมี่ยม Brembo Monoblocs ก็ หยุดพยศเจ้าเครื่องยนต์ 1,198ซีซี ได้อย่างมั่นคงปลอดภัย

ตอนท้ายของหนังม้วนนี้มีดราม่านิดหน่อยเพราะระบบ GPS จาก iPhone พาเราเลยเส้นทางที่จะไปดอยแม่สลองทำให้เราเข้าสู้เขาวงกฎที่เต็มไปด้วยกับดักยามโพล้เพล้ เพราะนอกจากทางที่คดเคี้ยวไปมาบนถนนที่เล็กและแคบ บนเขาสูงชันที่รายล้อมไปด้วยหุบและเหว โค้ง hair pin ที่โผล่มาให้ลองใจ แบบไม่คาดฝันหลายต่อหลายครั้งรวมไปถึงสภาพถนนที่ ชำรุดประปราย ทำให้ผมต้องเปลี่ยนโหมดไปมาระหว่าง Urban และ Touring ถือว่าประสพการณ์นี้น่าจดจำพอสมควรครับแต่ก็รอดมาได้สบายๆ

จังหวะสุดท้ายนี้เองที่ผมได้เห็นอีกหนึ่งความประทับใจจากการทำงานของโคมไฟหน้าที่นอกจากจะดูหล่อยามค่ำคืนแล้วยังให้แสงสว่างเต็มที่ เจอสถาณการณ์บนดอยตอนมึดนี่ของจริงครับ

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

DAY 4: เชียงราย - เชียงดาว - เชียงใหม่

วันสุดท้ายของการเดินทางมุ่งหน้าจากดอยแม่สลองสู่จังหวัดเชียงใหม่โดยผ่าไปทาง ถ้ำเชียงดาวซึ่งผมเองก็คิดว่า “ชิวแระ”  เพราะว่าเป็นเส้นทางที่เป็นทางเรียบกว้าง มากด้วยโค้งไฮสปีดแถมด้วยสภาพการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่น

อย่างที่เรารู้ๆ กันครับ การขับขี่ในระดับความเร็วที่เท่ากับรถสี่ล้อทุกประเภทไม่ว่า จะเป็นรถเก๋งหรือรถบรรทุก นั้นไม่ปลอดภัย เพราะการบดบังการมองพื้นผิวจราจร จากตัวรถยนต์ที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเรารวมทั้งการเสี่ยงต่อเศษหินที่อาจจะถูกดีดจากล้อรถเข้าใส่

ดังนั้นสไตล์การขับขี่ช่วงนี้จึงค่อนข้างต้องกระชับ รวดเร็วและรัดกุม มีจังหวะเร่งแซงบ่อยครั้งซึ่งจำต้องไปให้พ้นรถที่สวนมา มีทั้งขึ้นเขาและลงเขา ครบถ้วน ทำให้เห็นว่าข้อได้เปรียบของเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ระดับ 1,000 ซีซี ขึ้นไปนั้น เป็นข้อได้เปรียบที่ไร้ข้อกังขา เมื่อบวกกับระบบช่วงล่างและเบรคที่ดี จึงนับว่า Ducati จัดเต็มมาสยบความแรงได้อย่างดีเยี่ยม

Ducati Diavel Carbon 2015 ถือว่าเป็นรถที่แรงสุดโต่งที่ต่างประเทศนำไปใช้ ในการแข่งขันแข่งควอเตอร์ไมล์ จากการได้สัมผัสที่ถึงแก่นเหมือนการใช้งานจริง ความรู้สึกของผมน่ะหรือ “มันคือรถแข่งดีๆ นั่นเอง”

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

BAD ASS MACHINE

บทสรุปง่ายๆ ของ Ducati Diavel Carbon 2015 ก็คือรถที่เหมาะกับเจ้าของที่ต้องการ ท่านั่งที่สบายแต่ขณะเดียวกันก็ดูบึกบึน aggressive ดูแมนๆ ชอบความแรงของเครื่องยนต์ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีครบครัน มันถูกออกแบบมาให้ครอบคลุมผู้ใช้ที่มีสรีระร่างกายที่ต่างกัน ตั้งแต่ความสูง 155ซม ไปจนถึง 190ซม เลยโดยไม่ต้องปรับแต่งอะไรมาก แน่นอนว่าผู้ใช้ที่มี ส่วนสูงไม่มากจะต้องฝึกหนักหน่อยโดยเฉพาะในการใช้ความเร็วต่ำระดับคนเดินหรือเวลาเข็น เข้าจอด แต่ในการควบคุมแต่รับรองว่าไม่เกินเอื้อมแถมยังดูเหมาะทั้ง สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีดูดีทั้งสองเพศ

หากคุณต้องการใช้งานให้ครบถ้วนด้วยการออกทริปยาวๆ แนะนำติดตั้งชุด Strada ที่ดูเหมือนจะแพงแต่คุ้มกว่าไปออกรถทัวริ่งเพิ่มอีกหนึ่งคันในความคิดผม

ยามค่ำคืน Diavel Carbon 2015 จะ ‘หล่อมาก’ เพราะชุดไฟหน้าและท้ายที่ออกแบบ มาใหม่

แต่ในที่สุดแล้วคำว่า ‘หล่อ’ มักจะมาจากตัวเจ้าของรถที่ไม่ใช่หน้าตา แต่ชุดอุปกรณ์ ความปลอดภัยที่มาครบ มีทักษะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม บวกกับมารยาทการขับขี่บนท้องถนน

นั่นคือความ ‘หล่อ’  ที่แท้จริงครับ

***********************************

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

2015 Ducati Diavel Carbon
 
PRICE B1,089,000
ENGINE TYPE 1198cc liquid-cooled V-twin
BORE & STROKE 106.0 x 67.9mm
INDUCTION Mitsubishi EFI w/Mikuni elliptical throttle bodies
COMPRESSION RATIO 12.5:1
VALVE TRAIN dohc, four valves
TRANSMISSION Six-speed manual
FINAL DRIVE Chain
FRONT SUSPENSION Inverted Marzocchi 50mm fork, fully adjustable
REAR SUSPENSION Sachs shock, fully adjustable
FRONT BRAKES Brembo 320mm discs, four-piston monobloc calipers (ABS)
REAR BRAKES Single 240mm disc, 2-piston caliper (ABS)
FRONT TIRE Pirelli Rosso Corsa II, 120/70ZR-17
REAR TIRE Pirelli Rosso Corsa II, 240/45ZR-17
RAKE 28º
TRAIL n/a
WHEELBASE 62.6 in.
SEAT HEIGHT 30.3 in.
CLAIMED DRY WEIGHT 452 lb.
FUEL CAPACITY 4.5 gal.

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

 

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

 

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

 

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

 

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

 

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

 

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

 

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

 

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

 

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

 

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

 

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

 

DUCATI DIAVEL CARBON 2015 "Don’t call me a cruiser"

 

 

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี