posttoday

เปิดกลยุทธ์‘ยันฮี’ คู่ใจคนอาเซียนอยากสวย

09 มกราคม 2558

“ในอีก 5 ปี โรงพยาบาลยันฮีตั้งเป้าเป็นศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งครบวงจรที่มีชื่อเสียงที่สุดในอาเซียนด้วยฝีมือแพทย์ไทย ความพร้อมของสินค้าการท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ซึ่งเป็นจุดขายของไทย ทำให้มีความแข็งแกร่งทางการตลาดมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน”

“ในอีก 5 ปี โรงพยาบาลยันฮีตั้งเป้าเป็นศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งครบวงจรที่มีชื่อเสียงที่สุดในอาเซียนด้วยฝีมือแพทย์ไทย ความพร้อมของสินค้าการท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย ซึ่งเป็นจุดขายของไทย ทำให้มีความแข็งแกร่งทางการตลาดมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน”

นี่คือวิสัยทัศน์ของ นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลสุขภาพและความงามยันฮี ที่มองอนาคตของโรงพยาบาลโดยได้ปรับยุทธศาสตร์การตลาด มุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศกลุ่มเอเชียและอาเซียนเพิ่มขึ้น หลังวิกฤตการเงินในยุโรป และวิกฤตการเมืองไทย ส่งผลให้ลูกค้าต่างชาติขาประจำ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา มาใช้บริการลดลง โดยตอนนี้ชาวกัมพูชา พม่า ลาว เดินทางมาใช้บริการของโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีแนวโน้มเติบโตดี

ทั้งนี้ โรงพยาบาลยันฮีมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับล่าง แต่จะเพิ่มการบริการพิเศษให้กับลูกค้าชาวต่างชาติเลือกใช้บริการ เช่น การพักห้องหรู การรับประทานอาหารชั้นเลิศ โดยจะเก็บค่าบริการพิเศษ พร้อมสามารถส่งต่อลูกค้าไปพักในโรงพยาบาลพันธมิตรได้ด้วย

“เราได้ร่วมมือกับพันธมิตรบริษัททัวร์ จัดแพ็กเกจท่องเที่ยวพร้อมศัลยกรรมความงามกับโรงพยาบาล แพ็กเกจที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ กรีดตา เสริมจมูก เหลาคาง”

สำหรับแผนการโฆษณาประขาสัมพันธ์เน้นการสร้างเครือข่ายผ่านออนไลน์ การสร้างเฟซบุ๊กภาษาไทย อังกฤษ และภาษาท้องถิ่นในอาเซียน เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง การโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ครบวงจร สร้างการรับรู้และตอกย้ำแบรนด์

นอกจากนี้ โรงพยาบาลได้ฝึกอบรมพนักงาน บุรุษพยาบาล และพยาบาล ให้มีความรู้ความเข้าใจและเตรียมความพร้อมในการเปิดเสรีอาเซียน ฝึกอบรมทักษะด้านภาษา จ้างล่ามแปลภาษาอาเซียน รวมถึงจ้างพยาบาลฟิลิปปินส์ มาให้บริการดูแลชาวต่างชาติ

อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับความนิยมจากชาวอาเซียนมากขึ้น แต่ยันฮียังไม่มีแผนเปิดโรงพยาบาลในต่างประเทศ เพราะต้องการเน้นโรงพยาบาลหลักก่อน ทั้งนี้ ได้เปิดคลินิกขนาดเล็กที่พม่า เพื่อให้
คำแนะนำลูกค้าขั้นพื้นฐาน ก่อนส่งตัวมารับบริการที่กรุงเทพฯ และในอนาคตอาจเปิดคลินิกรูปแบบเดียวกันในประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพ

นพ.สุพจน์ กล่าวต่อว่า ในปี 2558 เตรียมใช้งบประมาณ 900 ล้านบาท สร้างตึกอินเตอร์ 3 จำนวน 14 ชั้น เพื่อรองรับการใช้บริการของลูกค้าชาวอาเซียนโดยเฉพาะ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ประมาณปลายปี 2559อีกทั้งจะใช้เงินทุนอีกกว่า 100 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เพิ่มเติม

ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 1,800 ล้านบาท เติบโต 10% เทียบจากปีที่ผ่านมาที่ 1,500 ล้านบาท โดยภายหลังการเปิดตลาดอาเซียนอย่างจริงจัง คาดว่าจะมีตัวเลขเติบโตกว่า 10% ต่อปี

ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น นพ.สุพจน์ทิ้งท้ายว่า ทุกโรงพยาบาลควรจับมือเป็นพันธมิตรกัน แต่ต้องหาจุดแข็งของตัวเองมาเป็นจุดขายที่โดดเด่น  เพราะการแข่งขันของธุรกิจนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่ บริการ ความเชื่อใจของลูกค้า และการบอกแบบปากต่อปาก

ข่าวล่าสุด

จ่อตั้ง 1 จังหวัด 1 คลินิก 'การแพทย์แม่นยำ' ถอดรหัสพันธุกรรมโรคมะเร็ง-โรคหายาก