posttoday

จีนตั้งฐานผลิต ยางรถยนต์ในไทย

31 ธันวาคม 2557

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้อนุมัติให้การส่งเสริมแก่โครงการผลิตยางรถยนต์ของบริษัท เซนจูรี่ไทร์  ซึ่งร่วมลงทุนระหว่างกลุ่มชิงเตาเซนจูรี่ของจีนและกลุ่มไทยฮั้วยางพาราของไทย ลงทุนทั้งสิ้น 3,500 ล้านบาท ตั้งที่นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จ.ระยอง

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2557 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้อนุมัติให้การส่งเสริมแก่โครงการผลิตยางรถยนต์ของบริษัท เซนจูรี่ไทร์  ซึ่งร่วมลงทุนระหว่างกลุ่มชิงเตาเซนจูรี่ของจีนและกลุ่มไทยฮั้วยางพาราของไทย ลงทุนทั้งสิ้น 3,500 ล้านบาท ตั้งที่นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จ.ระยอง

โครงการข้างต้นนับเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเร่งรัดการลงทุนในกิจการแปรรูปธรรมชาติภายในประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ โดยในปี 2557 ได้อนุมัติให้การส่งเสริมผลิตยางยานพาหนะไปแล้วรวม 3 โครงการ (รวมกับโครงการข้างต้น) ลงทุนรวม 3.3 หมื่นล้านบาท กำลังการผลิตยางรถยนต์นั่งและปิกอัพรวม 20.8 ล้านเส้น/ปี และยางรถบัสอีก 1.2 ล้านเส้น/ปี จะใช้ยางธรรมชาติเป็นวัตถุดิบรวม 5.5 หมื่นตัน/ปี อันจะส่งผลให้ปริมาณการแปรรูปยางพาราภายในประเทศเพิ่มจาก 5.2 แสนตัน ในปี 2556 ทะลุ 6 แสนตัน/ปี ในอีก 2–3 ปีข้างหน้า

สำหรับ 3 โครงการ ที่ได้รับการส่งเสริมข้างต้น เป็นการลงทุนจากจีน 2 โครงการ และจากยุโรปอีก 1 โครงการ ทั้งนี้ปัจจุบันจีนนับเป็นมหาอำนาจอุตสาหกรรมยางยานพาหนะของโลก โดยเป็นทั้งฐานผลิต ตลาด และผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้นสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จึงได้กำหนดให้จีนเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายที่จะชักจูงการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตยางยานพาหนะ

เดิมจีนผลิตยางยานพาหนะเพื่อจำหน่ายในประเทศเป็นหลัก แม้ส่งออกบ้าง แต่ส่งออกไปยังประเทศด้อยพัฒนาเท่านั้น แต่ปัจจุบันเริ่มเจาะตลาดประเทศชั้นนำของโลก เนื่องจากปัจจัยสำคัญ 2 ประการ

ประการแรก การปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ผลิตบางรายของจีน เช่น กลุ่มหลิงหลง สามารถยกระดับไปสู่มาตรฐานระดับโลก บริษัทรถยนต์ชั้นนำของโลกจึงเริ่มยอมรับและเริ่มติดตั้งยางจีนเข้ากับรถยนต์ที่วางจำหน่าย ส่งผลให้ผู้บริโภคเชื่อมั่น เนื่องจากเห็นว่าผู้ผลิตรถยนต์จะต้องทดสอบคุณภาพยางอย่างเข้มงวดจนมั่นใจในคุณภาพก่อนติดตั้งในรถยนต์

ประการที่สอง ประสบการณ์จากทดลองใช้ยางจีนอย่างไม่ตั้งใจ โดยเมื่อเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เมื่อปี 2552 บริษัทผลิตยางของชาติตะวันตกได้ปิดโรงงานและปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมากแต่วิกฤตเศรษฐกิจไม่ได้รุนแรงมากมายเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้โดยเริ่มฟื้นตัวเมื่อปี 2554 แต่ผู้ผลิตยางชาติตะวันตกไม่สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตอย่างทันทีทันใดได้ ก่อให้เกิดปัญหายางขาดตลาด

บริษัทโลจิสติกส์ของชาติตะวันตกจำเป็นต้องทดลองใช้ยางรถบรรทุกแบรนด์จีนเพื่อแก้ขัด และพบว่าคุณภาพใช้ได้และราคาไม่แพง โดยพอๆ กับราคายางหล่อดอก ดังนั้นได้ยกเลิกการหล่อดอกยาง เปลี่ยนมาซื้อยางใหม่ของจีนเป็นการทดแทน ทำให้ยางรถบรรทุกจีนครองตลาดยางในทวีปอเมริกาเหนือมากถึง 30–40%

เพื่อแก้ไขสถานการณ์ บริษัทยางชั้นนำของโลกต้องผลิตและจำหน่ายยางราคาถูกบ้าง เพื่อแย่งตลาดกลับคืนมา เป็นต้นว่า มิชลินได้ประกาศต้นเดือน ธ.ค. 2557 ที่จะวางจำหน่ายยางราคาถูกเพื่อสู้กับยางของจีนที่กำลังรุกหนักในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป

ข่าวล่าสุด

BDI ชี้ SMEs ไทยต้องใช้ Big Data - AI เดินหน้า The UP ปั้นธุรกิจฐานข้อมูลสู่ Data Economy