เมืองที่กำลังขยายตัว
บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานสำคัญด้านการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานมนุษย์ของสหประชาชาติ (UN-HABITAT) ศึกษาว่าภายในปี 2563 หรืออีกเพียง 6 ปีข้างหน้านี้ 2 ใน 3 ของประชากรชาวเมืองในประเทศที่เป็นสมาชิกของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะมีการย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในภาคมหานคร (Mega-Urban Regions) เพียง 5 แห่งเท่านั้น ได้แก่ กรุงเทพมหานครจะมีประชากรถึง 30 ล้านคน กรุงกัวลาลัมเปอร์ 6 ล้านคน สิงคโปร์ 10 ล้านคน ชวา 100 ล้านคน และกรุงมะนิลา 30 ล้านคน
บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานสำคัญด้านการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานมนุษย์ของสหประชาชาติ (UN-HABITAT) ศึกษาว่าภายในปี 2563 หรืออีกเพียง 6 ปีข้างหน้านี้ 2 ใน 3 ของประชากรชาวเมืองในประเทศที่เป็นสมาชิกของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะมีการย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในภาคมหานคร (Mega-Urban Regions) เพียง 5 แห่งเท่านั้น ได้แก่ กรุงเทพมหานครจะมีประชากรถึง 30 ล้านคน กรุงกัวลาลัมเปอร์ 6 ล้านคน สิงคโปร์ 10 ล้านคน ชวา 100 ล้านคน และกรุงมะนิลา 30 ล้านคน
นอกจากนี้ สำนักงานเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติยังคาดการณ์ด้วยว่า ภายในปี 2593 จำนวนผู้คนทั่วโลกที่อาศัยอยู่ในเมืองจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% จาก 54% ในปี 2557 โดยอยู่ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง 44%
ทั้งนี้ เมื่อเมืองขยายตัว เป็นธรรมดาที่ความต้องการทรัพยากรจะสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำ อาหาร หรือแหล่งพลังงาน ทุกวันนี้เมืองต่างๆ ใช้ทรัพยากรถึง 66% ของที่มีทั้งหมด และกำลังจะเพิ่มขึ้นเป็น 80% ในอีก 30 ปีข้างหน้า การขยายตัวของเมืองและการที่ผู้คนย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในเมืองกันมากขึ้น จะส่งผลต่อความต้องการพลังงาน และแนวทางการใช้งาน รวมถึงความสามารถของเมืองที่จะจัดสรรการใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพของผู้คนในเมืองโดยตรง
ดร.โช-อุน คง ผู้อำนวยการใหญ่งานวิเคราะห์การเมืองและเศรษฐกิจ กลุ่มบริษัท รอยัลดัทช์ เชลล์ กล่าวว่า การขยายตัวของเมืองนั้น ส่งผลกระทบต่อเราทุกคนและทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเอกชน หรือรัฐบาล ต้องทำงานร่วมกันเพื่อที่จะเห็นถึงคุณค่าของการที่เมืองต่างๆ ในอนาคตนั้นใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีอากาศที่บริสุทธิ์มากขึ้น และแม้ว่าเมืองในแต่ละประเทศของโลกใบนี้จะมีความ
แตกต่างกันมาก
แต่แนวทางการจัดการที่เป็นเลิศทางการด้านออกแบบเมืองนั้นมีอยู่ และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาต่อยอดต่อไป เช่น เมืองขนาดเล็กแม้มีประชากรอาศัยอย่างหนาแน่น แต่ได้วางแผนเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและระบบบริการต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพก็จัดเป็นเมืองที่ใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า และหากมีการดูแลจัดการที่ดี เมืองนั้นสามารถเป็นเมืองที่น่าอยู่ได้
ดังนั้นการวางแผนของเมืองที่ดีนั้นจะส่งผลให้มีการใช้งานทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า ชาญฉลาด และความสามารถต้านทานความกดดันต่างๆ ที่อาจจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของคนเมืองในอนาคตได้ จะเห็นได้ว่าเมืองที่มีการวางแผนมาอย่างดีจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในเมืองได้มาก โดยเฉพาะโอกาสในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งแนวทางการพัฒนาเมืองนั้นไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว


