posttoday

การรักษาพนักงาน หลังควบรวมธุรกิจ

04 ธันวาคม 2557

ทาวเวอร์ส วัทสัน บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยข้อมูลธุรกิจ สำรวจข้อมูลการรักษาพนักงานขององค์กรที่ควบรวมกิจการทั่วโลกประจำปีนี้ โดยตรวจสอบวิธีที่นายจ้างใช้ช่วงควบรวมกิจการเพื่อรักษาบุคลากรสำคัญขององค์กร และได้ประเมินแผนชดเชย ประสิทธิผลสัญญาการรักษาพนักงาน พบว่า การสร้างกลยุทธ์เก็บรักษาพนักงานที่สมบูรณ์แบบยังเป็นเรื่องยากสำหรับองค์กรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้ควบรวมหรือซื้อกิจการ และใช้สิทธิตามสัญญารักษาไว้ซึ่งพนักงาน ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่เป็นไปตามที่คาดไว้

ทาวเวอร์ส วัทสัน บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยข้อมูลธุรกิจ สำรวจข้อมูลการรักษาพนักงานขององค์กรที่ควบรวมกิจการทั่วโลกประจำปีนี้ โดยตรวจสอบวิธีที่นายจ้างใช้ช่วงควบรวมกิจการเพื่อรักษาบุคลากรสำคัญขององค์กร และได้ประเมินแผนชดเชย ประสิทธิผลสัญญาการรักษาพนักงาน พบว่า การสร้างกลยุทธ์เก็บรักษาพนักงานที่สมบูรณ์แบบยังเป็นเรื่องยากสำหรับองค์กรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้ควบรวมหรือซื้อกิจการ และใช้สิทธิตามสัญญารักษาไว้ซึ่งพนักงาน ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่เป็นไปตามที่คาดไว้

ผู้ตอบแบบสอบถามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 59% ระบุว่าจำนวนพนักงานที่ทำสัญญารักษาพนักงานอยู่ที่ 80% ตามช่วงเวลาของสัญญาการรักษาพนักงาน แต่ 29% กล่าวว่าพวกเขายังคงจำนวนพนักงานที่อัตราเดิม 1 ปีหลังหมดสัญญา ปัจจัยหลักสำหรับพนักงานที่ลาออกก่อนหมดสัญญารักษาพนักงานมักมีสาเหตุจากความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร 75% และความรู้สึกอึดอัดต่อวัฒนธรรมใหม่ของพนักงานกลุ่มนี้สูงกว่าพนักงานทั่วไป

มาสสิโม บอร์จเฮลโล ผู้อำนวยการฝ่ายงานการควบรวมกิจการ (เอ็มแอนด์เอ) ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทาวเวอร์ส วัทสัน กล่าวว่า องค์กรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 52% อ้างความจำเป็นการได้มาซึ่งบุคลากรที่มีศักยภาพและความสามารถใหม่ๆ เป็นเหตุผลหลักควบรวมกิจการ แต่เมื่อพิจารณาอัตราการรักษาพนักงานที่ต่ำหลังควบรวมกิจการขององค์กรเหล่านี้ อาจสรุปได้ว่าเกิดความล้มเหลวในการดำเนินงาน

องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการ ต้องเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรหรือวัฒนธรรมระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อการทำงานร่วมกันหลังทำข้อตกลง ต้องเสริมสร้างความผูกพันของพนักงานในองค์กร เริ่มประสานงานรายบุคคลกับบุคลากรที่สำคัญขององค์กรช่วงเริ่มต้นควบรวม ล่วงหน้า และเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ สัญญาการรักษาไว้ซึ่งพนักงานจะเกิดประโยชน์มากขึ้นในการยื่นข้อเสนอเพื่อยืดเวลาทำงาน แต่ข้อเสนอดังกล่าวต้องใช้งานได้ชาญฉลาด และเกิดประสิทธิผลดีขึ้น

ผู้ตอบแบบสอบถามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังเน้นความสำคัญการระบุบุคลากรซึ่งจำเป็นต่อองค์กรและมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะร่วมสัญญารักษาพนักงาน ความสามารถหรือศักยภาพของบุคลากรเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการดำเนินงาน อย่างไรก็ตามมีข้อมูลน่าสนใจแตกต่างจากภูมิภาคอื่นรายงานว่า องค์กรภูมิภาคนี้มีแนวโน้มให้ความสำคัญมากต่อตำแหน่งงาน ระดับตำแหน่งงาน 41% และต่อหน่วยงานทางธุรกิจ 37% เป็นข้อบ่งชี้ว่า องค์กรเหล่านี้กำลังให้ความสำคัญเกณฑ์การคัดเลือกที่ค่อนข้างไร้ประสิทธิภาพ

ทุนมนุษย์เป็นสินทรัพย์สำคัญที่สุดในองค์กร การรักษาพนักงานต้องเริ่มจากระบุบุคลากรที่มีศักยภาพ ระบุบทบาทหน้าที่ที่สำคัญสูงต่อความสำเร็จในการควบรวม เห็นได้ชัดว่าการรักษาบุคลากรที่มีศักยภาพเป็นขั้นตอนสำคัญ มีประสิทธิภาพกว่าจ้างพนักงานใหม่ระหว่างหรือหลังเข้าซื้อธุรกิจ

พิชญ์พจี สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาวเวอร์ส วัทสัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย ได้ดำเนินงานด้านการควบรวมกิจการเป็นจำนวนมากและการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 มีแนวโน้มช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น อาจทำให้การดำเนินงานด้านควบรวมกิจการทั่วทั้งภูมิภาคเพิ่มขึ้นรวดเร็ว เพื่อให้การควบรวมธุรกิจประสบผลสำเร็จ ฝ่ายทรัพยากรบุคคลควรเป็นผู้นำหลายด้านรวมถึงการบริหารจัดการบุคลากรที่มีศักยภาพ การจัดการด้านการสื่อสารและความเข้าใจในวัฒนธรรม ทั้งนี้ 74% ผู้ตอบแบบสอบถาม กล่าวว่า การประสานงานกับผู้บริหารระดับสูงขององค์กรเป้าหมายเป็นประโยชน์อย่างมาก ทำให้ระบุได้ว่าบุคลากรคนใดบ้างควรเข้าร่วมสัญญารักษาพนักงานและการนำผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมลงนามสัญญาแต่แรกจะทำให้ผู้บริหารมีส่วนร่วมตลอดกระบวนการ ผู้ตอบแบบสอบถาม 42% เปิดเผยว่า พวกเขาแจ้งผู้บริหารระดับสูงร่วมลงนามในสัญญาก่อนเริ่มต้นทำสัญญาควบรวมกิจการ ขณะที่ 21% ได้แจ้งผู้บริหารระดับสูงร่วมลงนามช่วงเริ่มต้นทำสัญญาควบรวมกิจการ

เมื่อบุคลากรมีความสำคัญต่อการเติบโตขององค์กร หากต้องการควบรวมกิจการให้สำเร็จต้องไม่ลืมรักษาบุคลากรด้วย

ข่าวล่าสุด

เกาะติดเลือกตั้ง69 เจาะสนามกทม.เกมชี้ชะตา 4 พรรคการเมืองใหญ่